วันเสาร์ที่ 23 มิถุนายน พ.ศ. 2555

The emerging resistance.

เครื่องต้านการเกิดใหม่

        นักฆ่าตัวตายให้คำตอบได้ดีว่าทำไมคนเราไม่ควรมีชีวิตอยู่ คำตอบง่ายๆสั้นๆก็คือชีวิตมันเป็นทุกข์ ! นักฆ่าตัวตายถูกอยู่ข้อหนึ่งก็ตรงนี้ ชีวิตเป็นทุกข์! ไหนจะต้องดิ้นรนเอาตัวรอด ไหนจะต้องเจอแรงบีบคั้นให้เลือกอยู่ข้างความดีหรือความชั่ว ไหนจะต้องเผชิญหน้ากับแรงเสียดทานต่างๆนานาทั้งภายนอกและภายใน หากไม่เกิดเลยก็ไม่ต้องเข้ามาสู่โลกนี้อย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ ไม่ต้องพบกับแรงบีบคั้น ไม่ต้องเผชิญกับแรงเสียดทานใดๆให้ยุ่งยากใจ ความทุกข์ ความท้อ ความทรมานอันไม่น่าพิสมัย ไม่ชวนให้ติดใจนานัปการในโลกนี้นี่เอง เป็นเครื่องต้าน เครื่องยับยั้งไม่ให้มนุษย์อยากเกิดมาอีก รสชาติอันน่าเข็ดหลาบของการมีชีวิตนี้ เพียงพอสำหรับหลายต่อหลายคน ที่จะตัดสินใจได้ว่าไม่อยากเกิดใหม่อีก หากชาติหน้าจะมีจริง อย่างไรก็ตาม นักฆ่าตัวตายและคนทั้งหลายผิดอย่างมหันต์ที่คิดว่าตัวเองมีสิทธิ์เลือกที่จะไม่เกิดใหม่อีก คือเข้าใจว่าเกมกรรมเล่นง่ายปานนั้น นึกอยากเลิกก็เลิก นึกอยากหยุดก็หยุด เกมกรรมใจร้ายเกินกว่าที่คุณคิด เพียงคิดตัดช่องน้อยแต่พอตัว อยากหลุดรอดจากเกมด้วยการปลิดชีพตนเองดื้อๆนั้น จะต้องถูกปรับ ถูกทำโทษ โดยวัดจากเหตุผลบีบคั้นว่าหนักหนาสาหัสปานใด ฆ่าตัวตายเพื่อตนเองหรือคนอื่น ขณะตายมีจิตที่เศร้าหมองหรือทรงสติไว้ได้ เกมใหม่จะเริ่มเปิดฉากโดยถือเอารายละเอียดของเกมสุดท้ายเป็นเกณฑ์ เครื่องต้านการเกิดใหม่ที่แท้จริงคือการเห็นทุกข์ เห็นโทษ เห็นภัยของการเกิดมาเล่นเกมกรรมอย่างไม่รู้อีโหน่อีเหน่ กับทั้งรู้ให้ถูก รู้ให้ตรง ว่ามีเหตุผลอันใดบีบคั้นให้ต้องเกิดมา ซึ่งตรงนี้บทที่ ๔ ว่าด้วยแรงบีบคั้นให้เกิดใหม่ได้ตอบคำถามไว้แล้วคร่าวๆ นั่นคือเพราะความติดใจในสุขซึ่งมีอยู่บ้างในชีวิตคน ตลอดจนความไม่รู้วิธีหยุดเล่นเกม อย่างมากก็แค่สันนิษฐานไม่ต่างจากนักฆ่าตัวตายทั้งหลาย นั่นคือถ้าไม่อยากเกิดอีก ก็คงแปลว่าไม่ต้องเกิดอีก ความรู้ทางจบเกมไม่ได้มีมาให้เอง แล้วก็ไม่ได้มาบ่อยๆ ถ้าบทอวสานของเกมกรรมเกิดขึ้นง่ายนัก วันนี้คุณจะไม่เหลือใครเล่นเกมกรรมให้คุณเห็นเลยสักคน

 ตัวแปรต่างๆ
         แค่ตั้งใจดีอย่างเดียวไม่พอ คุณต้องเข้าใจให้ดีพอด้วย ตัวแปรที่กระตุ้นให้ก่อกรรม
 ๑) ปัจจัยแวดล้อมเริ่มแรก
         ไม่มีใครจำการตัดสินใจครั้งแรกได้ ทุกคนทราบแต่ว่าในวัยเด็กน้อยที่แขนขาสั้นเกินกว่าช่วยเหลือตนเอง ทุกคนไม่มีสิทธิ์เลือก ไม่มีสิทธิ์คิดตัดสินใจว่าจะเอาแบบไหน ทั้งพ่อแม่ เพศ รูปร่างหน้าตา แก้วเสียง สุขภาพ ฐานะ ที่อยู่อาศัย ครู ความเฉลียวฉลาด และวิธีใช้สติคิดอ่าน ทุกคนทราบแต่เพียงว่าตนถูกบังคับให้ต้องมีสมบัติเหล่านี้ ไม่ว่าชอบหรือชังก็ตาม การตัดสินใจครั้งแรกๆนั้น เริ่มต้นเมื่อคุณมีสิทธิ์เลือกบางสิ่งตามใจชอบ เช่นเข้าโรงเรียนอนุบาลเจอเพื่อนคนไหนชอบใจก็เลือกคบคนนั้น ไม่ชอบใจขึ้นมาก็เลิกคบกัน เป็นต้น ทุกการตัดสินใจมีแรงผลักดันเสมอ แรงผลักดันแรกคือทุนเก่าที่แต่ละคนมีติดตัว อย่างเช่นถ้าคุณมีพ่อแม่สอนให้เลือกคบเพื่อนรวยๆ แนวโน้มที่คุณจะเป็นคนหัวสูงก็ย่อมมีอยู่
กรรมเป็นแดนเกิด กรรมเป็นเผ่าพันธุ์ เมื่อถือตามความจริงนี้ แปลว่าคุณไม่ได้มาเกิดกับพ่อแม่ที่สอนให้หัวสูงโดยบังเอิญ คุณจะต้องเคยหัวสูงมาก่อน หรือทำกรรมบางอย่างที่ลงตัวพอดีกับพ่อแม่หัวสูง ผลจึงออกมาสอดคล้องเช่นนั้นอย่างไรก็ตาม ความเป็นคนหัวสูงไม่เที่ยง เกิดขึ้นด้วยเหตุปัจจัยแบบหนึ่ง และมีสิทธิ์แปรไปด้วยเหตุปัจจัยอีกแบบหนึ่ง หมายความว่าระหว่างมีชีวิตมนุษย์แต่ละครั้ง ถ้ามีแรงกระทำมาเปลี่ยนใจคุณ ทำให้คุณอ่อนโยนลง ลดความแข็งกระด้างได้อย่างถาวรชั่วชีวิต ก็แปลว่ามีนิสัยใหม่ที่ตั้งมั่น คือความอ่อนโยน นอบน้อมถ่อมตน ไม่ดูถูกคนยากจน เช่นนี้เมื่อเกิดใหม่คุณย่อมไปเกิดกับพ่อแม่ที่ไม่สอนให้หัวสูง แล้วก็ทำให้การตัดสินใจครั้งแรกๆของคุณเปลี่ยนไปด้วย สรุปคือในเกมกรรมนั้น แม้กระทั่งการตัดสินใจครั้งแรกๆก็หาได้เกิดจากความบังเอิญ ต้องมีปัจจัยพื้นฐานของชีวิตเป็นตัวผลักดันอยู่เบื้องหลังเสมอ ความจริงมีอยู่ประการหนึ่ง คือการตัดสินใจที่ขาดความเข้าใจเกมกรรมนั้น มักนำปัญหาใหม่มาเพิ่มแทนการแก้ปัญหาเก่าให้หมดไป สิ่งที่ฟ้องว่าคุณกำลังเดินอยู่บนทางเลือกที่ผิด คือการต้องทนทุกข์ทั้งที่ทุนเก่าน่าจะเอื้อให้เป็นสุข เช่นเศรษฐีที่มีเงินมาก แต่จิตใจเหมือนขอทานที่ไม่มีเงินสักบาท สิ่งที่คุณต้องทราบคือ การคิดคะแนนใหม่เริ่มต้นนับแต่มีการตัดสินใจครั้งแรกๆด้วยตนเอง หลักกว้างๆมีอยู่ว่าถ้าคุณตัดสินใจอยู่ข้างแรงต้านกิเลส (เช่นมโนธรรม มนุษยธรรม และเหตุผล) โดยมากคะแนนคุณจะบวกขึ้น เห็นได้จากที่มีความสุขทางใจมากกว่าที่ควร แต่หากคุณตัดสินใจยอมตามแรงบีบคั้นของกิเลส (เช่นเครื่องกระตุ้นความโลภและความโกรธ) โอกาสจะสั่งสมคะแนนลบก็สูง เห็นได้จากที่มีความทุกข์ทางใจมากกว่าที่ควร
 ๒) เพื่อน
       เพื่อนมีหลายแบบ สำหรับแบบที่กล่าวถึงในหัวข้อนี้คือเพื่อนที่คุณรู้สึกว่าเข้ากับคุณได้ คุณไว้วางใจเขาได้ คุณคิดพึ่งพาเขายามเกิดปัญหา คุณสนิทกับเขาพอจะถือวิสาสะมากหรือน้อย คุณสามารถพูดเล่นหรือใช้ภาษาโฉดๆได้โดยไม่โกรธกัน และคุณก็รู้สึกว่าตัวเองมีอิทธิพลกับชีวิตของเขาพอๆกับที่เขาก็มีอิทธิพลกับชีวิตของคุณในทางใดทางหนึ่ง เช่นคุณต้องยินยอมแบ่งเวลาทำกิจกรรมบันเทิงที่ปราศจากผลประโยชน์ร่วมกับเขา พักผ่อนหย่อนใจหรืออยู่ใกล้กับเขาเงียบๆได้โดยไม่อึดอัด และไม่จำเป็นต้องหาเรื่องมาพูดจ้อเสมอไป เพื่อนในความหมายของคนใกล้ชิดนั้น โดยมากจะเป็นคนวัยเดียวกัน เพศเดียวกัน แต่นิยามความเป็นเพื่อนก็มิได้จำกัดจำเพาะเจาะจงอยู่แค่นั้น เพื่อนอาจต่างเพศ ต่างวัย ต่างชาติต่างภาษา หรืออาจเป็นพ่อแม่พี่น้องของคุณเองก็ได้ การที่หลายคนรู้สึกว่าตัวเองไม่มีเพื่อนสนิท ก็อาจจะเพราะไม่มีใครที่ตรงตามคุณสมบัติดังกล่าวข้างต้น และการที่คนส่วนใหญ่ไม่คิดว่าตนมีเพื่อนแท้ ก็เพราะเกิดปัญหาหนักๆแล้วไม่มีใครแสดงตัวยื่นมือเข้ามาช่วยเหลือ เพื่อนสนิทหรือเพื่อนแท้ของคุณไม่ได้มีอิทธิพลกับคุณแค่เป็นใครให้คุณหยอกล้อเล่นหัวหรือพึ่งพายามยาก แต่เขายังมีส่วนในการหักเหเส้นทางกรรมของคุณ หรือส่งเสริมต่อยอดให้เส้นทางกรรมเดิมของคุณไปถึงจุดหมายเป็นนรกสวรรค์เต็มภูมิ คำยั่วยุหรือกำลังใจเล็กๆน้อยๆจากเพื่อนอาจมีผลให้คุณตัดสินใจทำเรื่องบ้าๆที่คุณไม่เคยคิดอยากทำ หรืออาจทำให้คุณยับยั้งชั่งใจในเวลาใกล้ขาดสติ ส่วนเพื่อนกิน หรือเพื่อนที่มาตอดนิดตอดหน่อย จ้องจะเอารัดเอาเปรียบคุณอยู่ตลอดเวลานั้น คุณไม่จำเป็นต้องหา และไม่จำเป็นต้องมีกรรมเก่าอันใดเป็นพิเศษ เพราะมนุษย์เกินกว่าครึ่งพร้อมจะเป็นเพื่อนกินอยู่แล้ว สำหรับกรรมเก่าที่ทำให้มีเพื่อนมากคือความมีน้ำใจ มีความคิด คำพูด และการกระทำในเชิงผูกไมตรี ชอบเกื้อกูลไม่เลือกหน้า ไม่มองใครในด้านลบด้านร้ายตั้งแต่แรกพบ กรรมประเภทนี้จะทำให้จิตมีความเบิกบาน ก่อกระแสความเป็นกันเอง และมีแรงดึงดูดให้ใครต่อใครอยากเข้ามาสนิทด้วย กรรมเก่าที่ทำให้มีเพื่อนน้อยคือการเป็นคนแล้งน้ำใจ ชอบเอารัดเอาเปรียบ มีความคิด คำพูด และการกระทำในเชิงปฏิเสธไมตรี พร้อมจะมองใครๆแบบเพ่งโทษโดยยังไม่ทันคุยกันสักคำ กรรมประเภทนี้จะทำให้จิตมีความเศร้าหมอง ก่อกระแสความอึดอัดน่าระคาย และเต็มไปด้วยแรงผลักให้ใครต่อใครอยากออกห่าง กรรมเก่าที่มีเพื่อนดีๆ คอยให้คำแนะนำและเป็นกำลังใจในด้านดี คือเคยเป็นคนว่าง่าย ไม่ดึงดันไร้เหตุผลเมื่อใครตักเตือนให้ได้สติคิดชอบ หรือทำตัวเป็นกำลังใจสนับสนุนให้คนรอบตัวประพฤติตนในทางที่ควร กรรมเก่าที่มีเพื่อนเลวๆ คอยยุยงให้ไหลไปสู่ความเดือดร้อน คือเคยเป็นคนว่ายาก ดึงดันไร้เหตุผลเมื่อใครตักเตือน หรือทำตัวเป็นบ่างช่างยุให้คนเขาแตกคอกัน สนับสนุนให้คนใกล้ตัวหมกมุ่นในกามและการแก้แค้น หรือเขาอยู่ดีๆก็หาอุบายให้เขาเห็นกงจักรเป็นดอกบัว คิดทำเรื่องเลวทรามต่างๆ กรรมเก่าที่ทำให้มีเพื่อนสนิทแน่นแฟ้นคือการร่วมคิด ร่วมความเชื่อ และร่วมกระทำกิจน้อยใหญ่ด้วยกัน ช่วยเหลือเกื้อกูลให้ซึ้งใจกัน เมื่อสนิทกันมากๆอาจไม่ได้มีแต่ความสัมพันธ์ด้านดีต่อกัน แต่อาจทำร้ายจิตใจหรือกระทั่งทำร้ายร่างกายกัน ตรงนั้นไม่สำคัญ สำคัญคือแม้ทะเลาะเบาะแว้งหนักขนาดไหนต้องกลับมาคืนดีกันได้ จึงจะย้อนกลับมาเป็นแรงกระชับความผูกพันให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น แต่ถ้ากลับคืนดีไม่ได้ ยังอาฆาตอยากล้างแค้นกันไปล้างแค้นกันมา ก็อาจหมายถึงการเป็นศัตรูคู่อาฆาตรายใหญ่ อาจจะระดับข้ามภพข้ามชาติไปเลย กรรมเก่าที่ทำให้มีเพื่อนแท้คือการร่วมกันทำบุญใหญ่สำเร็จ และมีความปลาบปลื้มยินดี ยิ้มให้กัน มองกันเต็มตาด้วยความรู้สึกเป็นน้ำหนึ่งใจเดียว บุญใหญ่อาจหมายถึงการช่วยเหลือพระที่เจ็บไข้อาพาธหนัก หรืออาจหมายถึงการร่วมกันสร้างชุมชนยากไร้ให้มีความเป็นอยู่ดีขึ้น หรืออาจหมายถึงการร่วมงานบุญกันเป็นประจำ กระทั่งสะสมบุญสัมพันธ์ไว้พัฒนาจากกองเล็กเป็นกองใหญ่ บังเกิดความผูกพันเหนียวแน่นจนรู้สึกไม่เป็นอื่นต่อกัน น้ำพักน้ำแรงที่ช่วยกันจนงานบุญใหญ่สำเร็จนั้น จะย้อนกลับมาเป็นกำลังให้ทำกิจน้อยใหญ่ร่วมกันสำเร็จเสมอ เมื่อฝ่ายใดพลั้งพลาด อีกฝ่ายก็สามารถยื้อยุดฉุดดึงให้กลับทรงตัวขึ้นได้ใหม่ อีกทั้งอำนาจบุญในอดีตชาติจะเป็นกำลังให้ซึ้งใจกันตั้งแต่แรกพบ โดยยังไม่ทันต้องร่วมบุญกันอีก และที่สุดแล้ว ชาตินี้ชีวิตนี้ คุณมีสิทธิ์ทำกรรมใหม่ คือเลือกสร้างเพื่อน หรือเลือกคบเพื่อนในแบบที่จะทำให้คุณได้คิด ได้ตั้งจิตเป็นบุญ แม้ว่าต้องตกอยู่ใต้อำนาจกรรมเก่า ส่งให้คุณอยู่ท่ามกลางคนที่ไม่เป็นมิตร ขอเพียงคุณมีน้ำใจและคิดดีกับทุกคน ไม่สนใจว่าเขาจะดีตอบหรือร้ายมา วันหนึ่งอาจเป็นชาตินี้หรือชาติหน้า เมื่อกรรมใหม่ถึงเวลาให้ผล คุณจะมีเพื่อนมาก เพื่อนที่ดี เพื่อนสนิท และเพื่อนแท้เข้าจนได้
 ๓) ผู้นำ
        แต่ละคนมีอิทธิพลชักนำผู้อื่นไม่เท่ากัน มนุษย์จะรู้สึกได้ถึงความจริงนี้ตั้งแต่เด็กๆ และนั่นก็ทำให้เกิดการเลือกหัวหน้าชั้น หรือหัวหน้ากลุ่มเพื่อเป็นผู้นำกระทำกิจเล็กๆน้อยๆ หรือเป็นแม่งานการตัดสินใจที่ทุกคนต้องยอมรับ การเลือกผู้นำจะเป็นตัวบอกว่าคุณยอมรับนับถือคนแบบใด รวมทั้งอาจบอกว่าอนาคตของคุณจะอยู่ในทิศทางของการชี้นำจากคนแบบใด คุณยินดีตกอยู่ภายใต้อิทธิพลแบบไหน ในวัยเด็กภาวะความเป็นผู้นำอาจไม่ซับซ้อน เพราะเด็กๆยังสร้างภาพกันไม่เก่ง ใครมีทุนเก่าอย่างไรบารมีก็มักฉายออกมาตรงจริงตามนั้น คุณจึงเลือกยอมรับนับถือใครแบบตรงไปตรงมาจากภาพที่ปรากฏ เช่นหากเขามีรัศมีความเป็นผู้นำ มีความเด็ดเดี่ยวมั่นคง และมีความพิเศษที่ข่มคุณได้ ใจคุณก็จะยอมรับทันที โดยไม่ต้องสำรวจเสียก่อนว่าคุณสมบัติและข้อดีข้อเสียของเขามีอยู่มากน้อยเพียงใด แต่เมื่อคนเราโตขึ้น ก็จะเริ่มมีความซับซ้อนในตัวเอง รัศมีความเป็นผู้นำไม่เพียงพอที่จะสร้างความเชื่อมั่นให้กับหมู่ชน โดยเฉพาะอย่างยิ่งในระบอบประชาธิปไตยที่มีการเลือกตั้งจากคนในท้องถิ่นหรือมหาชนระดับประเทศ บีบคั้นให้ผู้สมัครรับเลือกตั้งต้องสร้างภาพความเป็นผู้นำที่เหนือกว่าใคร และเมื่อคุณต้องเกี่ยวข้องกับการปกครองในฐานะผู้เลือก ก็ต้องดูว่าคุณเชื่อภาพแบบไหน ศึกษาลึกลงไปในรายละเอียดของผู้นำเพียงใด ถ้ารู้ลึกแล้วเต็มใจเลือกใคร ก็เท่ากับคุณยอมรับอิทธิพลจากคนๆนั้นเต็มที่ เช่นคุณยินดีในแนวคิดของผู้นำที่เปี่ยมไปด้วยจริยธรรม และเขาพิสูจน์ตัวเองว่ามีจริยธรรมในระยะยาว ก็เท่ากับคุณถูกปลูกฝังให้เอาแบบอย่างจริยธรรมของผู้นำที่คุณศรัทธาเข้ามาไว้ในตนเองและไม่ว่าจะอยู่ในวัยใด หลายครั้งคุณอาจจำใจต้องยอมรับผู้นำ เช่นอยู่ในเกมฟุตบอลที่ใครบางคนสมควรเป็นศูนย์หน้าหรือกัปตันทีม ทั้งที่คุณไม่เห็นด้วย ก็อาศัยเสียงเดียวคัดค้านไม่ได้ หรือในฐานะประชาชนคนหนึ่ง คุณเลือกพรรคที่เห็นว่าเลวน้อยที่สุด หมายความว่าคุณไม่ได้เต็มใจเชียร์ใครให้เป็นผู้นำของคุณ คุณไม่ได้เลือกนาย คุณเพียงตกอยู่ในสถานการณ์จำทนต้องเลือกคนมารับใช้ชาติเท่านั้น กรรมเช่นนี้ต่อไปจะไม่มีผลให้คุณต้องยอมรับอิทธิพลของเขาหรือคนแบบเขาเต็มเม็ดเต็มหน่วยนัก ความหมายของผู้นำไม่ใช่แค่ผู้บัญชาให้ทำโน่นทำนี่ แต่ยังอาจหมายถึงการเป็นผู้เป็นแบบอย่าง มีความเป็นตัวของตัวเอง เหนี่ยวนำให้ผู้พบเห็นถือเป็นแบบอย่าง พูดง่ายๆว่าใครที่สามารถเป็นแรงบันดาลใจให้กับคุณในทางใดทางหนึ่ง ก็จัดเป็นผู้นำในทางนั้นๆของคุณ คุณไม่อาจทราบตั้งแต่เกิดว่าใคร ที่ไหน เมื่อไหร่ ที่จะทำให้คุณเกิดแรงบันดาลใจ แต่เมื่อพบ คุณก็จะรู้ เช่นเห็นเพื่อนเล่นเปียโนได้เพราะ คุณก็อยากเล่นให้ได้อย่างเขาบ้าง หรือเห็นครูบางคนขยันสอน กระตือรือร้นทุ่มเททำความกระจ่างให้กับนักเรียนทุกคน คุณก็ซึมซับรับรู้และนึกอยากมีพลังในการสอนแบบนั้นบ้าง เป็นต้น
        กรรมที่ทำให้คุณเลือกผู้นำที่ดี คือยอมมีใจลงให้กับผู้พาไปสู่ทางอันเป็นประโยชน์ ได้แก่การที่เคยขวนขวายช่วยเหลือผู้บำเพ็ญประโยชน์ต่อสังคม หรือถึงแม้ไม่เคยลงมือช่วย อย่างน้อยก็เคยเอาใจช่วยเมื่อพิจารณาแล้วว่าสิ่งที่เขาทำเป็นประโยชน์สุขกับส่วนรวม ไม่คิดอกุศล ไม่พูดคัดค้าน ไม่กระทำการต่อต้านใดๆ
        กรรมที่ทำให้คุณเลือกผู้นำที่เลว คือยอมมีใจลงให้กับผู้พาไปสู่ทางอันเป็นโทษ คือรู้ทั้งรู้ว่าเขาคิดผิด คิดเห็นแก่ตัว คิดเบียดเบียนสังคม แต่ก็ยังสนับสนุนช่วยเหลือ เพียงเพราะเห็นแก่ประโยชน์ร่วมกันกับเขา
        กรรมที่ทำให้มีความเป็นผู้นำ ได้แก่การทำตนเป็นที่พึ่ง เป็นความอุ่นใจ เป็นความหวังของกลุ่ม คนเรามีบารมีขึ้นมาได้ด้วยการช่วยเหลือคนอื่น ไม่ใช่ด้วยการอยู่เฉยหรือขอให้คนอื่นช่วย ลักษณะความเป็นผู้นำแจกแจงได้หลากหลายพิสดาร แต่โดยเบื้องต้นแล้ว อย่างน้อยต้องมีลักษณะของผู้มีสติ มีความเห็นเป้าหมายว่าจะชักชวนให้ใครทำอะไร มีความมั่นคงอันเกิดจากการควบคุมตนเองให้อยู่ในร่องในรอยสู่เป้าหมาย มีความเต็มใจที่จะชี้นำและอธิบายให้คนอื่นเข้าใจวิถีทางที่เลือก กล้าคิดในแบบที่แตกต่าง กับทั้งฉลาดพอจะแก้ปัญหาที่คนอื่นแก้ไม่ได้
        กรรมที่ทำให้เป็นผู้นำระดับย่อยคือความขวนขวายน้อย กรรมที่ทำให้เป็นผู้นำระดับใหญ่คือความขวนขวายมาก
กรรมที่ทำให้เป็นผู้นำที่มีบริวารจงรักภักดีสูง คือความมีใจคิดเสียสละด้วยความบริสุทธิ์ หวังประโยชน์ผู้อื่นเป็นที่ตั้ง กับทั้งสามารถพลิกชีวิตผู้อื่นด้วยการเปลี่ยนความเห็นผิดให้เป็นความเห็นชอบ เปลี่ยนสถานะช่วยตัวเองไม่ได้ให้กลายเป็นช่วยตัวเองและคนอื่นได้ เป็นต้น
        กรรมที่ทำให้เป็นผู้นำที่ดีและมีบริวารมาก คือการชี้นำให้ผู้อื่นเข้าใจ เลื่อมใสในการบุญการกุศล แล้วจึงชักชวนให้ใครต่อใครทำบุญตาม ตลอดจนได้ดีตาม ขอจงแยกให้ออกว่าผู้นำทั่วไปกับผู้นำที่ดีนั้น แม้เป็นผู้นำเหมือนกัน ก็ทำให้คนได้ดีต่างกัน ผู้นำระดับประเทศอย่างฮิตเลอร์อาจใช้คำพูดยุยงปลุกปั่น พาคนนับล้านให้หลงผิดตาม คิดว่าการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ศัตรูคู่อาฆาตคือทางออกที่ดีที่สุด อย่างนี้เรียกบุญเก่าเกี่ยวกับบริวารดี แต่ไม่ได้พาบริวารไปดี ส่วนผู้นำอย่างในหลวงรัชกาลที่ ๙ จะทรงใช้พระอัจฉริยภาพในการเลือกคำ เพียงไม่กี่คำทำให้พสกนิกรจิตใจสงบเยือกเย็นลง ทั้งที่อยู่ในสถานการณ์ล่อแหลม ผู้คนเจ็บแค้นเพื่อนบ้านจนเฉียดเป็นสงครามระหว่างประเทศแท้ๆ อย่างนี้เรียกว่าสมควรเป็นกษัตริย์โดยกรรม เพราะบุญญาธิการส่งให้มีพสกนิกรจงรักภักดีทั่วประเทศ แล้วก็ทรงพาพสกนิกรไปดีด้วย

 ๔) ครู
        ครูมีหลายระดับ ระดับแรกคือครูที่สอนไม่เป็น ระดับที่สองคือครูที่สอนให้เอาแต่ท่องจำ ระดับที่สามคือครูที่สอนให้คุณมีความรู้ความเข้าใจ ระดับที่สี่คือครูที่สอนให้คุณคิดเป็น ระดับที่ห้าคือครูที่สอนให้คุณรู้จักเป้าหมายของชีวิต และระดับสุดท้ายคือครูที่สอนให้คุณรู้จักประโยชน์สูงสุดของการมีชีวิต
ครูที่สอนไม่เป็นอาจหมายถึงครูที่ไม่รู้จริง ไม่มีความเชื่อมั่นในตัวเองว่าสอนใครได้ ไม่มีใจรักอาชีพครูพอจะพยายามพัฒนาทักษะการสอน บางทีรู้แต่ก็ถ่ายทอดไม่ถูก หรือบางทีถ่ายทอดถูกแต่ก็หลงๆลืมๆหรือจำผิดจำถูก เราอาจไม่ได้เห็นครูประเภทนี้มากนัก แต่ก็หลงเข้ามายึดอาชีพครูประมาณหนึ่งในร้อยหนึ่งในพัน บางคนก็ลาออกเร็ว บางคนก็ย่ำอยู่กับที่เป็นสิบปี แต่ก็มีที่พัฒนาขึ้นในปีต่อๆมา ครูที่พัฒนาตัวเองมักกลับดำเป็นขาว จากขาดความเชื่อมั่นเป็นมั่นใจในตัวเองสูง จากถ่ายทอดลำบากเป็นถ่ายทอดคล่อง และจากรู้น้อยกลายเป็นรู้มาก เนื่องจากกรรมที่เกิดจากความเต็มใจสอนนักเรียนจำนวนมากๆนั้นให้ผลเร็ว
        ครูที่มีความรู้ดีจนมีความมั่นใจขึ้นมาอีกระดับหนึ่งนั้น อาจเป็นเพียงความมั่นใจตำรา ไม่ใช่มั่นใจในตนเองว่ารู้และเข้าใจศาสตร์หนึ่งๆอย่างแท้จริง ความมั่นใจในตำราจึงทำให้พูดและคิดเฉพาะที่มีอยู่เป็นลายลักษณ์อักษรตามตำรา วิธีการสอนจึงเป็นการสั่งให้นักเรียนท่องตามตำราเช่นเดียวกับตน ข้อด้อยของครูระดับนี้คือ ตอบได้จำกัดพูดง่ายๆคือคุณอย่าถามในสิ่งที่ท่านไม่รู้ เพราะท่านจะตอบไม่ได้ หรือตอบแบบเทียบเคียงให้ใกล้ที่สุดกับตำรา ซึ่งหลายครั้งที่คำตอบประเภทนี้จะไม่ตรงจุด และพาคุณไขว้เขว ไม่อาจเจาะลงไปถึงความลึกซึ้งของศาสตร์นั้นๆผ่านครูระดับนี้
ครูที่มีทักษะดีพอจะทำให้นักเรียนมีความรู้ความเข้าใจนั้น ต้องมีความเชื่อมั่นในความรู้อันครอบคลุมตลอดสายของตน กับทั้งมีความกระตือรือร้น พัฒนาวิธีพูด วิธีแสดงเนื้อหา ไม่ลืมว่าตนเองเคยสงสัยตรงไหน อยากรู้อะไร กับทั้งมีความอดทนพอจะลงรายละเอียดทั้งในส่วนต้น ส่วนกลาง และส่วนปลาย เมื่อคุณอยู่ในมือครูที่รู้จริง คุณจะซึมซับความรู้จริงนั้นเพียงด้วยการตั้งใจฟังดีๆ และเหมือนตาสว่างขึ้นเป็นเปลาะๆ ข้อเด่นของครูระดับนี้คือ สามารถตอบได้ตรงจุด คุณถามอะไรท่านตอบได้หมด และด้วยภาษาของท่านเอง ไม่จำกัดวงแคบตามตัวอักษรในตำรา ทั้งนี้ก็จะไม่ตอบออกนอกลู่นอกทาง นอกตำราแบบคิดเดาเอาเองด้วย
        ครูที่สอนให้คุณคิดเป็นนั้น จะต่อยอดความเข้าใจของคุณไปอีกขั้นหนึ่ง คือฝึกให้คุณเห็นสิ่งที่ควรจะมีแต่ยังไม่มี ท้าทายให้คุณคิดในสิ่งที่คุณอาจไม่กล้าคิด และโดยเฉพาะอย่างยิ่งไม่จำกัดคุณอยู่กับความถูกความผิดแบบผูกขาด นี้มิใช่ยุยงให้คิดเองเออเองอย่างไรก็ได้ แต่จะชี้ให้เข้าใจเรื่องประโยชน์ เรื่องโทษ เรื่องเหตุ เรื่องผล กระทั่งคุณทราบว่าจะอยู่ในฐานะสร้างความเจริญก้าวหน้าให้กับโลก ไม่ปล่อยให้โลกย่ำอยู่กับที่ได้อย่างไร
ครูที่สอนให้คุณรู้จักเป้าหมายของชีวิต หมายถึงครูที่ทำให้คุณรู้จักตนเอง และรู้ว่าจะใช้ชีวิตอย่างไรให้คุ้ม ครูประเภทนี้อาจเป็นใครก็ได้ที่รู้จักคุณดีกว่าตัวคุณเอง และมีความสามารถพอจะเปิดเผยตัวตนของคุณให้คุณเห็นและยอมรับ กับทั้งทราบชัดว่ามีข้อบกพร่องอันใด มีจุดแข็งใดที่ควรนำมาใช้เป็นจุดยืน เป็นต้น
ครูที่สอนให้รู้จักประโยชน์สูงสุดของการมีชีวิตนั้น หมายถึงศาสดาผู้มีบารมีระดับตั้งศาสนาได้ เพราะแก่นของศาสนาคือการแสดงเป้าหมายสูงสุดที่น่าไปให้ถึง อย่างเช่นสำหรับศาสนาพุทธ จะชี้ให้เห็นว่าทุกข์คืออะไร ต้นเหตุแห่งทุกข์คืออะไร ภาวะความดับทุกข์เป็นอย่างไร และจะไปถึงภาวะความดับทุกข์นั้นได้อย่างไร การตั้งศาสนาขึ้นมาให้คนเชื่อตามได้ เล็งประโยชน์สูงสุดตามได้ ตลอดจนประพฤติปฏิบัติตามอย่างเป็นขั้นเป็นตอนแล้วบรรลุผลตามได้ นับเป็นบรมครูผู้ไม่มีอื่นยิ่งกว่า
         ในวัยเด็กคุณต้องพบกับครูที่คุณเลือกไม่ได้ และแม้จะมีครูหลายคน แต่ก็จะมีเพียงไม่กี่คนที่ส่งอิทธิพลกระทบชีวิตคุณจริงจัง นั่นเป็นการแสดงตัวของกรรมเก่า คุณเคยเชื่อและอยู่ในโอวาทของครูแบบใดในอดีตชาติ ชีวิตนี้คุณก็จะพบเจอกับครูแบบนั้นหรือใกล้เคียงกันนั้น คุณจะถูกหล่อหลอมและดัดแปลงความคิดให้เป็นไปตามครรลองเดิมๆ แต่เมื่อโตขึ้นมา ถึงจุดหนึ่งของชีวิตคุณจะต้องการเลือกครูด้วยตนเอง เมื่อใจคุณถามหาประโยชน์สูงสุดของการมีชีวิต อันนี้ก็สุดแต่กรรมเก่าของคุณจะพาไปไหน คือไม่ใช่แค่ดูว่าชาติก่อนคุณ เป็นคนของศาสนาใดแต่ต้องดูด้วยว่าคุณ มีวิธีนับถือศาสนาอย่างไรหากอดีตชาติคุณมีวิธีนับถือศาสนาด้วยการหวังพึ่งพาความช่วยเหลือจากสิ่งศักดิ์สิทธิ์ แนวโน้มคือคุณจะพบและศรัทธาครูที่สอนให้พึ่งพาผู้อื่น และทำกรรมดีเพื่อหวังผลแต่เฉพาะในชาติหน้า แต่หากอดีตชาติคุณมีวิธีนับถือศาสนาด้วยการทำกรรมพึ่งพาตนเอง ศึกษาหาความเข้าใจเพื่อบรรลุประโยชน์สูงสุดในชาติปัจจุบัน แนวโน้มคือคุณจะพบและศรัทธาครูที่สอนให้มีเหตุผล สืบหาความจริงจากสิ่งที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าเดี๋ยวนี้
        สรุปคือคุณเลือกครูแบบใด ก็แสดงให้เห็นว่าคุณมีอัธยาศัย หรือมีบุญอยู่กับเส้นทางที่ครูสอนแบบนั้น และการมีอุปกรณ์เล่นเกมกรรมแบบมนุษย์นี้ คุณมีสิทธิ์ เปลี่ยนครูได้เสมอ ครูที่คุณตัดสินใจเลือกได้ด้วยตนเองยามรู้ความนั่นเอง จะมาแทนที่ครูคนเก่า หมายความว่าเกมกรรมครั้งต่อไปคุณจะพบกับครูแบบที่คุณเลือกที่จะเชื่อในครั้งนี้เอง
         กรรมที่ทำให้มีครูดี คือเคยหัวอ่อน อยู่ในโอวาท และมีความกตัญญูคิดตอบแทนครูที่ดี กรรมที่ทำให้มีครูนำไปสู่ความหลงผิด คือการที่เคยร่วมยินดีกับคำสอนที่หลงผิด เหยียบย่ำคนที่เขาถูก ตลอดจนพยายามยัดเยียดแนวคิดผิดทางให้คนอื่นยึดถือตามตน
        กรรมที่ทำให้เป็นครูที่สอนให้เข้าใจได้ คือความมีใจฝักใฝ่กระตือรือร้นในการสอน ไม่รังเกียจการตอบคำถาม มีความอยากให้คนอื่นรู้อย่างที่ตนรู้ เข้าใจอย่างที่ตนเข้าใจ กับทั้งคิดหาวิธีที่จะทำให้ใครๆเข้าใจเรื่องยากโดยง่าย ไม่ต้องเหนื่อยนาน ความพยายามดังกล่าวจะไม่แค่ทำให้พบวิธีที่ต้องการ แต่ยังกลายเป็นกรรมที่ให้ผลสะท้อนกลับมาในรูปพลังการสอนที่เหนือกว่าครูทั่วไป
        กรรมที่ทำให้เป็นครูที่สอนให้เห็นประโยชน์สูงสุดจากการเป็นมนุษย์ คือเป็นผู้แสวงหาประโยชน์สูงสุดจากคนอื่น แล้วนำมาพิจารณาแยบคายด้วยตนเอง ทดลองพิสูจน์จนเห็นผลแล้ว จึงนำไปเผยแพร่ให้คนอื่นรู้ตาม หากชาติใดตั้งโจทย์ได้ถูก พิจารณาเห็นการเวียนว่ายตายเกิดเป็นทุกข์ หาเหตุแห่งการเกิดทุกข์พบ และได้วิธีระงับเหตุแห่งทุกข์นั้น กระทั่งบรรลุธรรม รู้จักนิพพานอันเป็นที่สุดทุกข์ กับทั้งสามารถนำพระสัทธรรมมาเผยแผ่ให้คนทั่วไปได้รู้ตาม ก็ได้ชื่อเป็นพระอรหันตสัมมาสัมพุทธเจ้า บรมครูผู้รู้แจ้งนิพพานด้วยตนเอง ผู้ก่อตั้งศาสนาพุทธรื้อถอนสัตว์จากสภาพเวียนว่ายตายเกิดได้ด้วยการบอกทางถูก ทางตรง
  ๕) คนรัก
       คุณเลือกคนแบบไหนมาเป็นคู่รัก ก็เท่ากับคุณเลือกใจตัวเองเป็นแบบนั้น อาจจะบางส่วนหรือทั้งหมด เพราะการประคองชีวิตรักให้ได้นาน ย่อมหมายถึงการปรับตัวเข้าหากัน และการปรับตัวก็อาจหมายถึงการเปลี่ยนวิธีใช้ชีวิตประจำวัน วิธีพูดคุยให้รู้เรื่องด้วยการใช้เหตุผลแบบเดียวกัน ตลอดจนกระทั่งวิธีคิดเกี่ยวกับการดำรงชีพ ว่าจะอยู่เพื่อครอบครัวขนาดเล็กหรือใหญ่ ตลอดจนคิดให้อะไรกับครอบครัวอย่างเดียวหรือเสียสละบางสิ่งให้สังคมด้วย เป็นต้น คนรักอาจเป็นผู้ที่มีอิทธิพลกับคุณมากที่สุด หรืออีกนัยหนึ่งคืออาจเป็นตัวแปรให้กรรมของคุณเปลี่ยนแปลงได้ยิ่งกว่าใคร เขาอาจยุยงคุณให้กลายเป็นนักโกหกตามเขา หรืออาจปั่นหัวคุณแทบเป็นบ้าด้วยการแกล้งงอนให้ตามง้อ หรือด้วยนิสัยเจ้าอารมณ์ของเขาอาจทำให้คุณกลายเป็นคนเจ้าอารมณ์ตาม ในทางตรงข้าม แบบอย่างความดีงามบางประการในตัวคนรัก ก็อาจเป็นแรงบันดาลใจให้คุณเห็นดีเห็นงามตามโดยไม่รู้สึกตัว บางเรื่องที่คุณดื้อ ใครสอนอย่างไรก็ไม่ฟัง คุณอาจโอนอ่อนลง กระทั่งเปลี่ยนนิสัยได้เพียงเพราะเห็นแบบอย่างที่ดีใกล้ตัว เขาอาจไม่ได้สอนคุณเป็นคำพูดเช่นอย่าตระหนี่นักเลย หัดทำบุญทำทานเสียบ้าง แต่เมื่อคุณเห็นเขาซื้อขนมให้หมาแมวเป็นกิจวัตรประจำ และทำด้วยอาการอ่อนโยนน่าประทับใจ ในที่สุดจิตคุณก็ถูกโน้มน้าวให้นึกอยากซื้อขนมให้หมาแมวด้วยความเต็มใจเองบ้าง ส่วนพวกที่มีคนรักแล้วไม่เปลี่ยนแปลงตัวเองเลยนั้น อาจหมายความได้สองประการ ประการแรกคือบุญเก่าชักพาคู่รักที่เข้ากันได้สนิทมาให้ เพียงเป็นตัวเดิมอย่างเคยก็อยู่ร่วมชายคาเดียวกันอย่างเป็นสุข ประการที่สองคือเป็นคนมีอัตตาแรงจัด ไม่เห็นหัวคนรัก ไม่สนใจว่าคนรักจะชอบหรือไม่ชอบสิ่งใดในตน กับทั้งไม่ยอมโอนอ่อนใดๆ ด้วยความสำคัญว่าตนเองถูกต้องแล้ว ดีที่สุดแล้ว ซึ่งก็มักลงเอยเป็นการหย่าร้างกันจนได้ ปัจจุบันธรรมเนียมคลุมถุงชนลดน้อยเบาบางลงมาก เพราะการศึกษายุคใหม่และความเปิดกว้างของสังคมทำให้หนุ่มสาวมีโอกาสเลือกคนรักกันเอง ซึ่งนั่นก็หมายความว่าคนส่วนใหญ่มีโอกาสเลือกว่าจะให้เส้นทางกรรมของตนเองโน้มเอียงไปทางไหน คนส่วนใหญ่เลือกคนรักเพื่อความสุขความสบายใจ หรือเพื่อสนองความบันเทิงทางเพศ และไม่ค่อยให้ความสำคัญกับผลกระทบที่จะตามมา โดยเฉพาะในแง่ของเส้นทางกรรม ทั้งที่เส้นทางกรรมอันสัมพันธ์กันระหว่างคนรักนั่นเอง ที่จะทำให้รักกันหวานชื่นหรือขื่นขม ได้เสพสมนานเท่านานหรือเพียงสั้น อีกประการหนึ่ง เมื่อได้คนรักมาอยู่ด้วยกัน คุณเลือกไม่ได้ว่าจะเอาแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งที่น่าชอบใจมา คุณต้องเอามาทั้งตัว รวมทั้งเงากรรมที่ตามหลังเขามาด้วย ผลกรรมของคนรักของคุณจะมีผลกระทบข้างเคียงกับคุณด้วย ที่เห็นได้ชัดก็เช่นถ้าเขาทำทานไว้มาก ชาตินี้รวยและมีลาภเสมอๆ คุณก็พลอยได้ส่วนความรวยหรือส่วนแบ่งลาภจากเขาในทางใดทางหนึ่ง แต่หากเขาเป็นพวกชอบหาเรื่อง มีเรื่องร้ายๆมากระทบให้ยุ่งยากใจ คุณก็จะพลอยปันส่วนเรื่องยุ่งยากใจกับเขาอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยง หากอดีตชาติเคยร่วมกันช่วยเหลือคนไว้มาก ชาตินี้เมื่อมาอยู่ด้วยกันจะเกิดแต่เรื่องดีๆ มีใครต่อใครชื่นชมและสนับสนุนให้แต่งงานกัน จะทำธุรกิจธุรกรรมอะไรร่วมกันก็เจริญรุ่งเรืองน่าอิ่มใจไปหมด หากอดีตชาติเคยร่วมกันทำร้ายคนไว้มาก ชาตินี้แม้กระแสดึงดูดทางเพศจะชักนำให้มาอยู่ด้วยกัน ก็จะตีกันเอง แตกคอกันเอง พอแยกกันอยู่จะคิดถึงกัน แต่พออยู่ด้วยกันเป็นมีเรื่อง แม้แต่คิดร่วมทำบุญกันก็จะทะเลาะในเรื่องไม่เป็นเรื่อง เป็นเหตุให้บุญที่ทำร่วมกันหม่นหมอง ไม่ผ่องใส เดินทางร่วมกันแท้ๆแต่เหมือนแยกกันไปคนละทิศ
        กรรมที่ทำให้พบคนรักที่เข้ากันได้อย่างสนิทแน่นแฟ้น เต็มใจอยู่ด้วยกันไปจนตาย และเที่ยงที่จะได้พบกันอีกในชาติถัดๆไป ได้แก่การมีศรัทธาความเชื่อที่เสมอกัน มีศีลที่เสมอกัน มีความเสียสละที่เสมอกัน และมีปัญญาที่เสมอกัน เรียกว่าคุยกันรู้เรื่องเพราะพื้นความเชื่อไม่แตกต่างกัน เข้าใจกันได้หมด ตกลงกันได้หมด เอออวยกันได้หมด มีแต่ช่วยเหลือเกื้อกูลไม่เอารัดเอาเปรียบกันไปหมด คนรักประเภทนี้มักถูกมองว่าเป็นเนื้อคู่ หรือคู่แท้ถาวร ซึ่งมีเองอยู่แล้วในธรรมชาติ ขอให้ทราบว่าเป็นความเข้าใจที่ผิด เพราะในเกมกรรมนั้น ต้องสานต่อเหตุปัจจัยไปเรื่อยๆ ถ้าเหตุปัจจัยหมด ผลก็หมดตาม
        กรรมที่ทำให้พบคนรักไม่ถูกใจ อยู่ด้วยกันแล้วเป็นทุกข์ มีเหตุให้ต้องระหองระแหงเสียความรู้สึกบ่อยๆ หรือเข้ากันไม่ค่อยได้ ตั้งตนเป็นศัตรู จ้องเอารัดเอาเปรียบหรือฉกฉวยกัน ครองเรือนมีลูกหลานแบบกลืนไม่เข้าคายไม่ออก ได้แก่การมีศรัทธาความเชื่อที่แตกต่างกัน มีศีลสูงต่ำกว่ากัน มีน้ำใจเสียสละผิดกัน ตลอดจนมีปัญญาห่างชั้นกัน ตัดสินใจครองรักกันอย่างวู่วามด้วยเหตุผลตื้นๆเช่นอยากมีเพศสัมพันธ์กัน หรือเพียงเพราะรูปร่างหน้าตาถูกใจ หรือเพียงเพื่อให้ชีวิตดูสมบูรณ์แบบ หรือเพียงเพราะเหตุผลเกี่ยวกับการเงิน เป็นต้น
๖) อาชีพ
        อาชีพที่คุณเลือกแล้วรู้สึกว่าเข้ากับตัวตนของคุณได้นั้น จะสะท้อนความเป็นคุณได้มากพอสมควร แต่ละสาขาอาชีพต้องการความสามารถต่างกัน บางอาชีพต้องการให้คุณคิดมาก บางอาชีพต้องการให้คุณพูดมาก บางอาชีพต้องการให้คุณออกแรงมาก คุณเลือกอาชีพแบบใดก็ต้องเน้นทำกรรมแบบหนึ่งๆมากเป็นพิเศษ และคนส่วนใหญ่ก็จะรู้จักตนเองผ่านอาชีพที่ยึดไว้เลี้ยงปากเลี้ยงท้องนี่เอง เหตุผลของการเลือกอาชีพอาจเป็นตัววัดความโลภได้ระดับหนึ่ง ถ้าเงินมาก่อนงาน แปลว่าคุณเสียความเป็นตัวของตัวเองให้กับความโลภ ถ้าเนื้อหาของงานมาก่อนเงิน แปลว่าคุณเห็นแก่ความเป็นตัวของตัวเองก่อนความโลภและเมื่ออาชีพการงานคือตัวคุณ เหตุผลที่ตัดสินใจออกจากงานของคุณย่อมเป็นตัวบอกว่าโลภะ โทสะ โมหะมีอำนาจเหนือคุณมากน้อยเพียงใด หากคุณทิ้งงานค้างคาไว้ให้คนอื่นเพียงเพราะต้องการรับเงินเดือนที่สูงกว่า อันนั้นแปลว่าความโลภอยู่เหนือตัวคุณ คุณไม่สนใจอะไรมากไปกว่าลาภที่ชวนละโมบ หากคุณผลุนผลันลาออกทั้งที่ไม่พร้อม ด้วยเหตุผลเพียงเพราะโกรธใครบางคน อันนั้นแปลว่าตัวคุณตกอยู่ใต้อำนาจโทสะ หากคุณทำอาชีพที่รู้สึกว่าไม่เหมาะกับตัวเอง แต่ยังฝืนดันทุรังทำต่อ เพียงเพราะกลัวการลำบากหางานใหม่ หรือขี้เกียจพัฒนาตัวเองเพื่อความก้าวหน้า อันนั้นแปลว่าคุณยอมปล่อยให้โมหะครอบงำจนดิ้นไม่หลุด ตรงข้าม หากคุณทำงานอย่างคุ้มค่าจ้าง ถนอมน้ำใจเพื่อนร่วมงาน และมีจังหวะเวลากับเหตุผลที่ดีในการลาออกโดยไม่ให้ใครเดือดร้อน กับทั้งสามารถใช้ประสบการณ์ต่อยอดไปสู่ความเจริญก้าวหน้ายิ่งๆขึ้น คุณจะรู้สึกเต็มตัว เต็มภูมิ เต็มคน ไม่มีความติดค้าง
        กรรมที่ทำให้เป็นใหญ่ในอาชีพ คือการเคยช่วยเหลือให้ผู้คนให้ประสบความสำเร็จในหน้าที่การงาน หรือมีส่วนผลักดันให้สาขาอาชีพที่เคยทำเจริญรุ่งเรือง (โดยไม่จำเป็นต้องเป็นอันเดียวกับอาชีพในปัจจุบัน)
        กรรมที่ทำให้ประสบความสำเร็จ มั่งมีและเป็นที่รู้จักนับหน้าถือตาเป็นพิเศษในธุรกิจแบบใดแบบหนึ่ง เป็นไปได้ว่าเพราะเคยทำบุญด้านนั้นๆมา เช่นถ้าเคยทำขนมถวายพระเป็นประจำ มีการบรรจงฝีมืออย่างประณีต มีความฉลาดในการแต่งรสให้อร่อย ขณะถวายมีความอิ่มใจ มีความรื่นเริงในบุญ มีความเอื้อเฟื้อแจกจ่ายกับคนที่มาในงานบุญ อย่างนี้หากเกิดใหม่จะเป็นคนมีหัวในเรื่องการทำขนม แม้ไม่ได้ร่ำเรียนมากก็ทำได้อร่อยกว่าคนอื่น คิดสูตรได้เอง กับทั้งเมื่อเปิดร้านทำขนมก็จะเงินทองไหลมาเทมา เป็นที่รู้จักกว้างขวาง เปิดสาขาได้ทั่ว หรือจะเขียนตำราทำขนมหรือทำอาหารก็ขายดิบขายดีเป็นที่นิยม
        การเป็นผู้ค้าขายได้กำไรนั้น เป็นไปตามเหตุปัจจัยหลายประการ เช่นความตาแหลม รู้จักจัดหาสินค้าที่ผู้บริโภคต้องการ ฉลาดตั้งราคาให้ได้กำไรคุ้มทุนโดยที่ลูกค้าก็ไม่นึกเกี่ยงงอน นอกจากนั้นยังสร้างความน่าเชื่อถือเป็น เช่นจ่ายหนี้ตามนัด ตลอดจนเลี้ยงครอบครัวและบริวารให้อยู่เป็นสุข ไม่มีปัญหาขัดแย้งหรือเรื่องระส่ำระสายภายในกิจการ อย่างไรก็ตาม ยังมีกรรมเก่าเป็นตัวช่วยพิเศษ ที่ประกันความมีลาภในการค้าขาย คือการได้เคยอาสากับสมณะว่าถ้าต้องการสิ่งใดขอให้บอก เมื่อสมณะบอกขอแล้วก็จัดให้ตามประสงค์ เช่นนี้ถ้าเลือกเป็นพ่อค้าจะขายได้กำไรเสมอ แต่ถ้าถวายเกินกว่าที่ท่านประสงค์ก็จะได้กำไรสูงเหนือความคาดหมาย ในทางตรงข้ามหากสมณะบอกขอแล้วไม่ให้ครบตามคำขอ ก็จะค้าขายไม่ได้กำไรดังหวัง ยิ่งหากแกล้งทำเป็นลืม ไม่ให้ตามที่ท่านขอเลย อย่างนี้ก็มีแต่ค้าขายขาดทุนท่าเดียว
 ตัวแปรในการก่อกรรม
๑) เจตนาตั้งต้น
         ต้องดูก่อนเลยว่าหวังดีหรือหวังร้าย และการที่จะดูว่าหวังดีหรือหวังร้าย ก็ต้องพิจารณาจากความรู้อยู่แก่ใจ หรือคาดหวังไว้ล่วงหน้า ว่าทำอะไรลงไปควรจะเกิดผลกับใคร อย่างไร แค่ไหน บางทีแม้ผลลัพธ์อาจไม่ตรงกับเจตนา แต่เจตนาก็ปรุงแต่งจิตให้เป็นสว่างหรือมืดเรียบร้อยแล้ว ยกตัวอย่างเช่นอุตส่าห์ดักรอคนแก่ ตั้งใจแกล้งคำรามเหมือนผีหลอกให้คนแก่ตกใจตายเพื่อฮุบสมบัติ แต่ปรากฏว่าคนแก่รู้ทันล่วงหน้า นอกจากไม่ตกใจยังหัวเราะขบขันในท่าทางของปีศาจกำมะลอ สรุปคือเจตนาฆ่าให้ผลเป็นความบันเทิงแก่เหยื่อไป แม้คนแก่จะไม่ตายและกลายเป็นได้ขำ แต่อย่างไรเจตนาตั้งต้นนั้นก็ยังคงเป็นความจงใจฆ่า เป็นอกุศลจิตขั้นรุนแรง คือได้ตัวตั้งในการทำปาณาติบาตแล้ว เพียงแต่ยังไม่จัดเป็นปาณาติบาตโดยสมบูรณ์ เนื่องจากการฆ่าไม่ประสบความสำเร็จ นั่นก็หมายความว่าแม้ไม่ต้องรับผลจากปาณาติบาต แต่ก็ได้ชื่อว่าทำบาปด้วยใจแล้ว และเป็นระดับรุนแรงมากด้วย ขอให้คำนึงว่าวิญญาณเพชฌฆาตได้เกิดขึ้นแล้วจริงๆ แม้จะยังไม่เป็นเพชฌฆาตอย่างสมบูรณ์แบบก็ตาม ตัวอย่างดังกล่าวคงทำให้เห็นได้ชัด เกมกรรมอาศัยเจตนาตั้งต้นเป็นตัวตัดสิน ว่าสิ่งที่ทำลงไปเป็นบุญหรือเป็นบาป เกมกรรมไม่ได้ดูว่าผลที่เกิดกับผู้ถูกกระทำเป็นอย่างไร เช่นในตัวอย่างข้างต้นนี้ ไม่ใช่ว่าได้ผลเป็นบุญที่ช่วยให้คนแก่หัวเราะ แต่ผลจะเป็นบาปอันเกิดจากเจตนาฆ่า อีกตัวอย่างหนึ่ง คงเห็นว่าคนเรายิ่งมีตัวตนซับซ้อนขึ้นเพียงใด จิตใจก็ยิ่งดูยากขึ้นเพียงนั้น อย่างเช่นนักการเมืองระดับดาวสภา ที่ฝึกพูด ฝึกสำรวมกิริยาท่าทีดีมาก ดูสุภาพนุ่มนวล สงบนิ่งไม่หวั่นไหวง่าย กับทั้งสามารถผูกคำพูดเต็มไปด้วยเหตุผลน่าเชื่อถือ กระทั่งเหมือนรักประเทศ ต้องการเสียสละเพื่อชาติ ศาสน์ กษัตริย์ออกมาจากใจจริง แต่เมื่อส่องดูบางพฤติกรรม คนรู้เห็นก็อาจสงสัยว่าใจจริงหรือตัวตนที่แท้จริงเป็นอย่างตอนออกโทรทัศน์แน่หรือ เพราะก็เหมือนคนธรรมดาที่ต้องการเอาแต่ประโยชน์เข้าตัวเท่านั้น หากเล็งกันที่จิต ว่าค่อนไปทางมืดเพราะโลภ หรือค่อนไปทางสว่างเพราะเสียสละ ก็จะตัดสินได้ว่าเจตนาหลักอันเป็นฐานตั้งของเจตนาอื่นๆนั้นเป็นอย่างไรกันแน่ สำหรับนักการเมืองที่สร้างความเชื่อถือได้ในระดับประเทศนั้น หากหวังร้ายอยากกอบโกยจากชาติบ้านเมืองอย่างเดียวก็ยากที่จะมีสง่าราศี อย่างน้อยต้องมีความหวังดีกับชาติบ้านเมืองพอจะส่งกระแสให้คนรู้สึกไว้ใจได้ระดับหนึ่ง แต่เวลาประชาชนมองนักการเมือง จะตัดสินด้วยอคติว่าเลวล้วนๆ หรือดีล้วนๆ ขึ้นอยู่กับรักหรือเกลียดใครเป็นการส่วนตัว ดังนั้นจึงประสบกับความสมหวังบ้าง ผิดหวังบ้าง เมื่อพบว่าพฤติกรรมของนักการเมืองไม่เป็นไปตามที่คิด พอเกลียดใครหรือผิดหวังใครก็สาปแช่งให้เขาพินาศ เมื่อเขาไม่พินาศก็พานสิ้นศรัทธากฎแห่งกรรมวิบากไปด้วย ทั้งที่เป็นเรื่องของการมองไม่ครบต่างหาก กฎแห่งกรรมวิบากยังเที่ยงธรรม เพียงแต่ไม่ตรงใจ ไม่ถูกกับกิเลสและความใจร้อนของมนุษย์เท่านั้น ตัวอย่างดังกล่าวคงทำให้เข้าใจได้ ว่านอกจากนักบวชที่มีใจสละโลกแล้ว ก็ไม่มีใครหวังดีเสียสละเพื่อส่วนรวมได้ถ่ายเดียว ต้องดูกันตามจริง ว่าโดยรวมแล้วโลภเอาเข้าตัวหรือเสียสละตนเองเพื่อคนอื่นมากกว่ากัน ภาพรวมของชีวิตเขาทั้งปัจจุบันและอนาคตก็จะโน้มเอียงไปตามเจตนาหลักนั้นๆ
 ๒) น้ำหนักของเจตนา
        เมื่อจับได้แล้วว่าเจตนาเริ่มต้นคือหวังดีหรือหวังร้าย ก็ต้องดูต่อไปคือดีร้ายที่ว่านั้น เอาจริงเอาจังหรือยั้งๆอยู่ ตัวอย่างเปรียบเทียบที่คงเห็นได้ง่ายคือคนทั่วไปสามารถบี้มดหรือตบยุงได้แบบไม่กะพริบตา เรียกว่าเจตนาฆ่านั้นหนักแน่นมาก แต่หากให้ฆ่าคน กำลังใจจะลดวูบ โดยเฉพาะเมื่อทำครั้งแรกต้องสองจิตสองใจไม่กล้าทำ เหมือนฝ่าแรงต้านที่ทรงกำลังมหาศาล การที่ยังมีความละอายต่อบาป การที่มโนธรรมยังทำงาน ยังมีสำนึกผิดชอบชั่วดีบริบูรณ์นั้น น้ำหนักเจตนาทำชั่วขนาดฆ่าคนจะมีกำลังอ่อนเสมอ ผลของน้ำหนักเจตนาที่อ่อนจะไม่รุนแรงนัก เปรียบเหมือนการพุ่งตัวเข้าชนกำแพง ถ้าพุ่งเบาก็ไม่เจ็บมาก ผู้ฆ่าย่อมถูกฆ่า เมื่อฆ่าคนด้วยน้ำหนักเจตนาที่หนักแน่น ก็ย่อมถูกฆ่าด้วยวิธีโหดเหี้ยม และเมื่อยังไม่ถึงเวลาที่กรรมเผล็ดผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยในนรก ก็อาจเจ็บป่วยรุนแรงเยียวยายากมาก เป็นต้น คนเราทำบาปด้วยความหนักแน่นเพราะเหตุ ๒ ประการหลักๆ หนึ่งคือโทสะแรง สองคือไม่รู้ว่าเป็นบาป ฉะนั้นจึงทุ่มจิตทุ่มเจตนาเต็มเหนี่ยวแบบไม่ยั้ง ด้วยองค์ประกอบ ๒ ประการนี้ เพียงโห่ร้องตะโกนสุดเสียงว่า ฆ่ามัน! ฆ่ามัน!ในสนามสู้กระทิง ก็เกิดมหาอกุศลจิตระดับปาณาติบาตร่วมกับมือสังหารจริงๆแล้ว ถ้าหมั่นเชียร์เป็นกิจวัตรก็ต้องได้รับผลเป็นการทอนอายุให้สั้นลง หรือเป็นโรคภัยไข้เจ็บได้แล้ว แม้ชั่วชีวิตไม่เคยฆ่าสัตว์ใหญ่เลยสักตัวก็ตาม ในทางตรงข้าม คนเราทำบุญด้วยความหนักแน่นด้วยเหตุ ๒ ประการหลักๆ หนึ่งคือเมตตามาก สองคือเลื่อมใสในผลบุญ ฉะนั้นจึงเทจิตเทใจเต็มกำลัง
หากเป็นคนฉลาดในบุญ ก็จะไม่ดูเบา และเทใจให้กับบุญเล็กบุญใหญ่เสมอกัน ไม่ดูแคลนว่านั่นบุญใหญ่ นี่บุญเล็ก แต่หากยังไม่ฉลาดในบุญ ก็อาจเพ่งเล็งเฉพาะวัตถุภายนอก เช่นเห็นว่าสร้างวัดได้บุญมาก แล้วไปดูถูกว่าให้สตางค์ ๕ บาทเป็นทานชั้นต่ำ เลยจะเอาแต่บุญใหญ่หวังผลมาก ไม่เห็นค่าของการทำบุญเล็กๆน้อยๆ พอทำทานขนาดเล็กน้อยจึงไม่ปลื้ม นั่นจะเป็นการทำให้น้ำหนักของเจตนาในการสละออกมีความไม่สม่ำเสมอ จิตไม่เป็นทานจิตเต็มดวงในระยะยาว
สำหรับผู้มีทานจิตซึ่งจะได้รับผลไพบูลย์จริงๆแล้ว ย่อมทราบว่าการให้นั้นเป็นประโยชน์ทั้งต่อผู้ให้และผู้รับ ไม่ควรตั้งข้อแม้ว่าเป็นทานวรรณะสูงหรือทานวรรณะต่ำ ได้ผลมากหรือได้ผลน้อย เพื่อให้เกิดน้ำหนักของเจตนาที่ดี จึงควรตั้งต้นด้วยความหวังประโยชน์ต่อผู้อื่นเป็นอันดับแรก คือรินเมตตานำ แต่ถ้าหวังประโยชน์ตนในการให้ทาน ก็ย่อมเป็นทานที่เจือด้วยโลภะ น้ำหนักเจตนาอันเป็นกุศลย่อมเบาลงตามส่วน กล่าวโดยสรุปแล้ว จุดสำคัญคืออย่าไปตั้งแง่รังเกียจ ไม่อยากทำทานที่ให้ผลตอบแทนน้อยๆก็แล้วกัน เพราะนั่นเป็นการฝึกทำทานด้วยความโลภ เมื่อจิตติดยึดในทานแบบผสมโลภ เมตตาย่อมน้อย เมื่อเมตตาน้อย น้ำหนักเจตนาย่อมเบา คนส่วนใหญ่จะสงสัยกันมาก ว่าถ้าไม่ได้คิดเจตนาจริงจัง เช่นผุดคำด่าหรือเกิดความคิดลบหลู่ครูบาอาจารย์ขึ้นมาชั่วแวบในหัว จะเป็นบาปเป็นกรรมแค่ไหน อย่างนี้เพียงทราบกฎของเกมกรรมให้ดีก็จะสบายใจได้ เพราะการเกิดสติเท่าทันความคิดชั่วร้ายได้นั้น จิตเป็นมหากุศลด้วยซ้ำ สิ่งที่สะท้อนชัดคือจิตใจโดยรวมจะดีขึ้นเรื่อยๆ สุกสว่างขึ้นเรื่อยๆ ขออย่างเดียวอย่าพะวงหรือกลัดกลุ้มกับความคิดชั่วร้ายที่เกิดขึ้น ระลึกให้แม่นยำว่าถ้าน้ำหนักเจตนาไม่แรง บาปก็ไม่มาก และถ้ายิ่งเกิดสติเท่าทันความคิดชั่วร้ายได้เดี๋ยวนั้น ก็จะพลิกจากอกุศลเป็นมหากุศลทันที 
 ๓) ความเพียรพยายามในการก่อกรรมให้สำเร็จ
        อันนี้หมายถึงกำลังใจและความวิริยะอุตสาหะอย่างต่อเนื่อง ยิ่งงานยากเท่าไหร่ ก็ต้องอาศัยกำลังใจยาวนานมากขึ้นเท่านั้น ยกตัวอย่างเช่นคนเขียนหนังสือธรรมะต้นฉบับภาษาไทย ใช้เวลา ๓ วันแบบง่ายๆ เพราะเป็นสิ่งที่รู้อยู่ชำนาญอยู่ แต่คนแปลเป็นภาษาอังกฤษใช้เวลาเป็นเดือนด้วยกำลังใจที่สูงกว่า เพราะเป็นงานที่ไม่ถนัด ไม่มีความชำนาญ อย่างนี้เรียกว่าส่วนประกอบของบุญในแง่ความเพียรสูงกว่า แม้องค์ประกอบบุญในแง่การริเริ่มจะไม่เทียบเท่า แต่พลังที่ใช้ไปในการบุญย่อมเหนือกว่า ปรุงแต่งจิตให้สุกสว่างมากกว่ากัน เรื่องของความสม่ำเสมอในการพากเพียรก็เป็นตัวแปรให้เกิดความผกผันได้ ความมีวิริยะอุตสาหะต่อเนื่องหนึ่งวันจนงานสำเร็จในรวดเดียว อาจอาศัยกำลังใจยิ่งกว่าคนทำหลายเดือนแบบเรื่อยๆเฉื่อยๆเสียอีกและยิ่งถ้ามีความวิริยะอุตสาหะต่อเนื่อง ทุ่มกายทุ่มใจ ลงแรงลงสมองเต็มเหนี่ยวแล้วงานไม่เสร็จในหนึ่งวัน แต่จำต้องใช้เวลาหนึ่งปี เป็นหนึ่งปีที่หามรุ่งหามค่ำแทบไม่หลับไม่นอน บุญอันเกิดจากกำลังใจที่ต่อเนื่องจะไม่ใช่แค่เอา ๓๖๕ คูณเข้าไป ทว่าตัวบุญจะทวีกำลังขึ้นไปเหมือนดอกเบี้ยทบต้นทบปลาย เช่นผ่านไปหนึ่งเดือนคูณสิบ ผ่านไปครึ่งปีคูณร้อย พอครบปีคูณพัน แปลง่ายๆว่าผลอันเป็นที่สุดจะเป็น ๓๖๕ คูณด้วย ๑,๐๐๐ ! ความเพียรที่สม่ำเสมอนั้น ยิ่งยาวนานยิ่งยืดอายุการให้ผลของกรรมออกไปด้วย ยกตัวอย่างเช่นมาอาสาช่วยทำศาลาพักริมทางหนึ่งวัน ความเหนื่อยเต็มๆวันนั้นอาจให้ผลเป็นช่วงหนึ่งของชีวิตที่มีใครต่อใครมาทำอะไรให้ได้อยู่สบาย แต่หากติดสอยห้อยตามคณะสร้างศาลาพักริมทางเพื่อสาธารณะประโยชน์ตลอดอายุขัย คือว่างจากงานเลี้ยงชีพก็มาช่วยสร้างศาลาพักไปเรื่อยจนเต็มเมือง ไม่ตายไม่เลิก อย่างนี้นับเป็นความตั้งมั่นชนิดอุทิศชีวิต ความหนักแน่นของเจตนาย่อมให้ผลตั้งแต่ในชาติปัจจุบัน มีคนมาช่วยให้สุขกายสบายใจไม่ขาดสาย และเมื่อกรรมเผล็ดผลเต็มเม็ดเต็มหน่วยในชาติถัดไป เขาย่อมได้รับความช่วยเหลือ ได้เป็นใหญ่ในภาวะสุขสบายยืดยาวหลายสิบชาติ ต่อให้พลาดพลั้งทำชั่ว ต้องตกทุกข์ได้ยากอย่างไร ก็ต้องมีจังหวะพักผ่อนยาวๆบ้าง ความเพียรทำสิ่งใดสิ่งหนึ่งชั่วชีวิตนั้น มีผลเป็นเชื้อของอุปนิสัยให้แก่ชาติถัดไปได้ เช่นกรณีสมัครใจอาสาสร้างศาลา พอเกิดใหม่เห็นใครเหนื่อยยากตากแดดร้อนนึกอยากทำที่พักให้ นี่เองเป็นความสำคัญของการปลูกฝังนิสัยด้านดีอย่างใดอย่างหนึ่งไว้ เพราะจะไม่ใช่แค่กรรมที่ออกดอกออกผลเป็นเรื่องดีอย่างใดอย่างหนึ่ง ทว่าจะเป็นนิสัยติดตัว กระตุ้นให้อยากทำอะไรแนวๆเดียวกันในการเล่นเกมครั้งต่อๆไป ซึ่งก็จะเป็นการหล่อเลี้ยงผลดีไว้ไม่ให้ขาดสาย
๔) โสมนัสในการก่อกรรม
        ขอให้เข้าใจว่า โสมนัสเป็นอาการที่จิตปลาบปลื้มในการกระทำ อาจจะเป็นก่อนลงมือทำจริง หรือขณะกำลังลงมือทำ หรือหลังจากทำสำเร็จเสร็จสิ้นไปแล้ว โสมนัสอาจเกิดขึ้นเพราะเจตนาอันเป็นบุญหรือบาปก็ได้
ยกตัวอย่างเช่นตั้งใจขโมยวัตถุล้ำค่าราคาแพง กว่าจะเข้าไปขโมยได้ต้องผ่านด่าน ผ่านอุปสรรคยากเย็น ดังนั้นเมื่อขโมยมาครอบครองได้จึงบังเกิดความปลาบปลื้ม ภาคภูมิใจในฝีมือของตนเป็นล้นพ้น ซึ่งนั่นก็ยิ่งตอกย้ำให้บาปตรึงแน่นมั่นคงมากขึ้นเป็นทวีคูณ เพราะนอกจากจิตจะเขลา ไม่ทราบว่าเป็นบาปแล้ว ยังสำทับด้วยความหลงเห็นว่าควรชื่นใจ ปลาบปลื้มปรีดาเข้าไปอีก อย่างเช่นแทนที่การขโมยของราคาล้านบาท ควรให้ผลสนองคืนเป็นการถูกขโมยของราคาหนึ่งล้านถึงสิบล้าน (อาจจะคราวเดียวหรือผ่อนส่ง) แรงโสมนัสก็ทวีค่าของของที่จะถูกขโมยเป็นร้อยล้านหรือพันล้าน เป็นต้น สำหรับงานบุญ ความเข้าใจและความเพียรจะเป็นตัวกำหนดว่าโสมนัสจะเกิดมากหรือน้อยเพียงใด ยิ่งเข้าใจว่าทำอะไรลงไป จะเกิดผลดีแบบไหน ประกอบกับการมีความเพียรเพื่อเอาชนะอุปสรรค มุ่งมั่นทำให้สำเร็จให้จงได้ โสมนัสก็จะยิ่งแรง ซึ่งก็ขยายพลังบุญ ทำให้ย้อนกลับมาสนองคุณรวดเร็วและหนักแน่นยิ่งๆขึ้น การโลเลกลับไปกลับมา เดี๋ยวอยากทำเดี๋ยวไม่อยากทำ จะเป็นเหตุบั่นทอนโสมนัสได้มาก แต่ถ้าคิดดีได้ตลอด โสมนัสก็เกิดเต็มที่ บุญก็ไพศาลสมบูรณ์ โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงก่อนทำและขณะทำสำคัญที่สุด หากรักษาความคงเส้นคงวาไว้ได้แค่สองช่วงนี้ก็นับว่าเลิศแล้ว แม้โสมนัสมาแหว่งวิ่นหลังทำบ้างก็จะมีผลเสียน้อยกว่ากัน ในเรื่องของโสมนัสหลังทำบุญนั้น เป็น ตัวบวกที่ทุกคนประจักษ์จริงได้ง่ายๆ ทุกคนมักมีบุญประเภท งานชิ้นโบแดงอยู่สักอย่างสองอย่าง คือทำแล้วมักหวนกลับมานึกถึงบ่อยๆสักช่วงหนึ่ง นึกถึงทีไรก็ปลาบปลื้มไม่ต่างจากได้ทำบุญซ้ำ ยิ่งถ้าคุณฟังใครบอกว่าได้รับประโยชน์จากงานของคุณมากๆ โสมนัสในงานบุญนั้นๆก็จะยิ่งขยายผลออกไป เพราะเกิดการรับรู้และความเข้าใจเกี่ยวกับบุญดังกล่าวเพิ่มเติมนั่นเอง โสมนัสเกิดขึ้นซ้ำกี่ครั้ง บุญก็ยิ่งทับทวีมากขึ้นเท่านั้น นี่คือธรรมชาติอันมหัศจรรย์อย่างหนึ่งของบุญ ตราบเท่าที่คุณไม่หมดแรงปลื้ม ตราบนั้นบุญยังแพร่ขยายได้ราวกับดอกเห็ด แต่ถ้าคุณลืมๆบุญที่ทำไปแล้ว หมดโสมนัส หมดความผูกพันกับบุญแล้ว บุญก็จะคงที่อยู่ในระดับนั้นๆ และรอจังหวะให้ผลแบบผ่อนส่งหรือเต็มกำลังต่อไป
 ๕) ความคงทนและความสำคัญของวัตถุ
        การทำบุญหรือทำบาปส่วนใหญ่จะอาศัยวัตถุอันเป็นที่ตั้ง อย่างน้อยก็ทำให้จิตเกิดความรับรู้ว่าสิ่งนั้นๆเป็นคุณหรือเป็นโทษได้นานแค่ไหน มีความสลักสำคัญยิ่งหย่อนเพียงใด  สำหรับความสำคัญของวัตถุนั้น คงมองได้จากคำถามง่ายๆเช่นว่าเป็นปัจจัย ๔ หรือเปล่า หากเป็นอาหาร ที่อยู่ เครื่องนุ่งห่ม และยารักษาโรค ใจจะรู้สึกถึงความสำคัญได้ชัดเจน แต่ก็มีสิ่งอื่นที่ใจอาจรับทราบถึงคุณค่าเหนือปัจจัย ๔ อย่างเช่นพระไตรปิฎกและหนังสือธรรมะ หากโลกขาดสิ่งเหล่านี้ ก็จะไม่มีการสืบทอดพระสัทธรรมเผยแผ่ไปได้กว้างไกลและยาวนานเลยหากวัตถุที่ตั้งบุญบาปเป็นของกิน ลักษณะบุญบาปจะออกไปทางมีกินมีใช้หรืออัตคัดขัดสน แม้อาหารเป็นสมบัติใช้สอยชั่วคราว เก็บไว้ได้เดี๋ยวเดียว กินเสร็จก็หมด ทว่าอาหารก็เป็นปัจจัยในการดำรงชีวิตที่สำคัญสูงสุด ขาดไปก็ตาย ฉะนั้นต้องใส่บาตรเรื่อยๆ หรือให้อาหารแก่สัตว์อย่างสม่ำเสมอ จึงจะช่วยให้มีกินมีใช้ไม่ขาดสาย ไม่ไปเกิดใหม่ในประเทศที่อดอยากยากแค้น แม้ตกที่นั่งลำบากก็มีคนยื่นมือช่วยให้ไม่อดตาย แต่หากเป็นพวกชอบลักกินขโมยกิน หรือเป็นเจ้าหน้าที่ที่เบียดบังงบอาหารนักโทษเป็นประจำ เอาของเลวให้ทั้งที่จัดของดีได้มากกว่านั้น เช่นนี้ย่อมไปเกิดในถิ่นแร้นแค้น หาน้ำหาอาหารดีๆถูกอนามัยได้ยากเย็นนักหากวัตถุที่ตั้งของบุญบาปเป็นที่อยู่อาศัย ลักษณะบุญบาปจะออกไปทางความร่มเย็นหรือเดือดร้อนเกี่ยวกับเคหะสถาน เพราะที่อยู่เป็นสมบัติใช้สอยระยะยาว ฉะนั้นแม้สร้างวิหาร สร้างกุฏิ หรือสร้างเรือนให้คนอนาถาอยู่อาศัยเพียงครั้งเดียว ก็ให้ผลยืดยาวเกินกว่าจะคาดคะเน แม้ความปลาบปลื้มก็ถูกหล่อเลี้ยงไว้ได้นาน เช่นสร้างโบสถ์แล้วใจรู้อยู่ ว่าจะมีคนมากมายมาทำบุญใต้หลังคาโบสถ์อันร่มเย็นและงดงาม สงฆ์จะได้ประกอบศาสนกิจอีกหลายสิบปีกว่าจะถึงเวลาทุบสร้างใหม่ ความเข้าใจประโยชน์ที่เกิดขึ้นกับสงฆ์ในระยะยาวนั้นเอง จะปรุงแต่งจิตให้สว่างกว้างใหญ่ กับทั้งมีความตั้งมั่นในบุญเป็นอันมาก เกิดตายกี่ครั้งต้องมีที่อยู่คุ้มแดดคุ้มฝนเสมอ ตรงข้าม หากลอบวางเพลิง เผาบ้านในถิ่นสลัมเพื่อไล่ที่ ทำความเดือดร้อนสาหัสกับผู้คนนับสิบนับร้อยครัวเรือนเพียงครั้งเดียว ก็เป็นอันคาดหวังได้ว่านักวางเพลิงจะต้องทนทุกข์เรื่องที่อยู่อาศัยไม่รู้จักจบจักสิ้น ทั้งไปเป็นพวกเร่ร่อนไร้ที่อยู่อาศัย หรือมีที่อยู่ชั่วคราวก็โดนขับไล่อย่างไร้ความปรานี หรือไปอยู่บ้านไหนไฟก็ไหม้แทบจะชั่วข้ามคืน เป็นต้น หากวัตถุที่ตั้งของบุญบาปเป็นเครื่องนุ่งห่ม ลักษณะบุญหรือบาปจะออกไปทางผิวพรรณวรรณะ ตลอดจนรสนิยมขั้นพื้นฐานในการแต่งกาย เพราะเครื่องนุ่งห่มเป็นสมบัติที่ใช้นาน แสดงความน่าประทับใจเมื่อแรกเห็น ตลอดจนเป็นสิ่งห่อหุ้มคุ้มร้อนคุ้มหนาว หากได้ถวายจีวรสงฆ์ด้วยเนื้อผ้าที่ประณีต หรือบริจาคเสื้อผ้าแก่คนยากจน ก็จะให้ผลเกี่ยวกับเนื้อหนังที่ทนทาน ไม่อ่อนไหวกับดินฟ้าอากาศง่าย ส่วนจะมีผลให้ผิวพรรณเปล่งปลั่งเป็นทองทาเพียงใด ก็ขึ้นอยู่กับระดับความศรัทธาเลื่อมใสและคุณภาพของเนื้อผ้า  ในทางกลับกัน หากทำอะไรที่เป็นผลร้ายกับผิวหนัง เช่นชอบแกล้งโรยหมามุ่ยในที่พักให้คนคันคะเยอเล่นเอาสนุก ถ้าแกล้งได้แล้วเกิดโสมนัสบ่อยๆก็มีสิทธิ์ให้ผลทันตาในชาติปัจจุบัน เช่นผิวแพ้ง่าย โดนอะไรนิดหน่อยก็เป็นพิษเป็นภัยแก่ผิวไปหมด เป็นต้น หากวัตถุที่ตั้งของบุญบาปเป็นยารักษาโรค ลักษณะบุญหรือบาปจะออกไปทางสุขภาพ แม้ยารักษาโรคเป็นสมบัติที่เก็บไว้ไม่ได้นานนัก ทว่าเป็นเรื่องคอขาดบาดตาย จะหายป่วยหรือทรุดหนักถึงขั้นพบยมทูตบางทีก็ตัดสินกันที่มียาหรือไม่มียานั่นเอง ฉะนั้นต้องถวายหยูกยาแด่สมณะเรื่อยๆ หรือเป็นหมอที่รักษาคนไข้ด้วยความปรารถนาให้หายเจ็บป่วย จึงจะให้ผลเป็นสุขภาพที่แข็งแรงสมบูรณ์คงเส้นคงวา แต่อีกขั้วหนึ่ง ถ้าเป็นพวกชอบเล่นยาพิษ ชอบฉีดยาทดลองกับสัตว์ ก็จะให้ผลเป็นสุขภาพที่ย่ำแย่ เป็นโรคประหลาดรักษายาก คราวนี้มาพูดถึงวัตถุอื่นนอกเหนือขอบเขตปัจจัย ๔ มองไปในโลกนี้คุณจะพบวัตถุที่เป็นประโยชน์และเป็นโทษเต็มไปหมด ผู้ให้วัตถุที่เป็นประโยชน์ย่อมได้รับประโยชน์ ผู้ให้วัตถุเป็นโทษย่อมได้รับโทษ ขอยกตัวอย่างเพียงสังเขปเพื่อให้เกิดภาพในใจพอประมาณ หากวัตถุที่ตั้งของบุญบาปเป็นแสงสว่าง ลักษณะบุญหรือบาปจะออกไปทางการรับรู้ที่แจ่มชัด ไม่ว่าจะเป็นเทียนที่มีอายุสั้น หรือหลอดไฟที่มีอายุยืน สิ่งเหล่านี้เกี่ยวข้องกับการเห็นโลกยามมืด ฉะนั้นการถวายเครื่องทำความสว่างใดๆแด่สมณะ ก็ย่อมมีผลกับคุณภาพประสาทตา และหากอธิษฐานกำกับก็อาจปรารถนาความเป็นผู้มีปัญญากระจ่าง รู้เห็นและเข้าใจอะไรๆแจ่มแจ้งแทงตลอด ในทางตรงข้าม หากขโมยไฟตามทางในวัด ทำให้พระเณรลำบากงมในความมืด ก็มีสิทธิ์ถึงขั้นเกิดใหม่ตาบอดแต่กำเนิดได้ หรือแม้พวกทรมานนักโทษด้วยการเอาสปอตไลท์ส่องหน้าบ่อยๆ ก็มีสิทธิ์เกิดใหม่นัยน์ตาพร่าพราย ประสาทการรับรู้ผิดปกติได้ หากวัตถุที่ตั้งของบุญบาปเป็นหนังสือ ต้องแยกเป็นหมวดๆว่าหนังสืออะไร หนังสือประโลมโลกที่ทำให้หลงติดและทวีราคะ โทสะ โมหะอย่างหนัก หรือหนังสือให้ความรู้ ความเข้าใจเชิงวิชาการ หรือหนังสือที่ให้สติปัญญา เท่าทันความจริงอันเป็นสัจจะพาตัวรอดปลอดภัยจากทุกข์โศก บริจาคหนังสือประเภทใดแบบเจาะจงก็ย่อมได้ผลเป็นเช่นนั้นเข้าตัว และเนื่องจากหนังสืออยู่ได้นาน แจกจ่ายให้อ่านต่อกันได้หลายคน ผลกรรมย่อมมีความตั้งมั่นสูงไปด้วย ขอให้พิจารณาว่าตัวหนังสือผูกเป็นประโยคอย่างไร ระบบความคิดของมนุษย์ก็ถูกจัดระเบียบตามนั้น และความคิดของมนุษย์ส่วนใหญ่เป็นอย่างไร โลกนี้ก็ปรากฏไปตามนั้น น้อยคนที่อ่านหนังสือไม่ออกแล้วทำประโยชน์อย่างใหญ่ได้ หากเป็นผู้มีโอกาสจัดทำหนังสือแบบใดกระจายสู่มหาชนกว้างขวาง ก็นับว่ามีส่วนสร้างโลกแบบนั้นๆขึ้นมา และจะต้องเสวยภพแบบนั้นๆในกาลต่อไป 
๖) ประเภทบุคคลที่ได้รับผลดีร้าย
       มนุษย์คนหนึ่งเปลี่ยนแปลงไปเรื่อยๆ แต่อย่างน้อยช่วงหนึ่งๆต้องมีนิสัยที่ตั้งมั่นอย่างใดอย่างหนึ่งอยู่ การวัดว่าใครดีหรือใครร้าย ก็พิจารณาได้จากทานและศีลของแต่ละคน หากจิตมีเมตตา ชอบสละออก ชอบให้ส่วนเกินของตนเพื่อเป็นประโยชน์แก่ผู้อื่น นั่นจัดเป็นพื้นฐานความดีงามอย่างสำคัญ แต่หากจิตคิดแต่จะเอา มักโลภเห็นแก่ตัว คนอื่นไม่ให้ก็จดจ้องเพ่งเล็งจะเอา นั่นจัดเป็นพื้นฐานความเลวร้ายอย่างสำคัญ หากจิตมีความละอายต่อบาป ไม่อยากฆ่าสัตว์ ไม่อยากลักทรัพย์ ไม่อยากเป็นชู้ ไม่อยากโกหก ไม่อยากกินเหล้า เพียงเพราะเห็นโทษเห็นภัยในพฤติกรรมเหล่านั้น นั่นจัดว่าเป็นกรอบรักษาความดีงามอันมั่นคง แต่หากจิตไม่ละอาย ชอบฆ่าทั้งที่ไม่จำเป็นต้องฆ่า ชอบขโมยทั้งที่ไม่จำเป็นต้องขโมย คบชู้ทั้งที่ไม่จำเป็นต้องคบ โกหกทั้งที่ไม่จำเป็นต้องโกหก กินเหล้าทั้งที่ไม่จำเป็นต้องกิน นั่นจัดว่าเป็นกรอบกักขังความเลวร้ายอันแข็งแรง เมื่อช่วยเหลือเกื้อกูลผู้ที่กำลังอยู่ในช่วงตั้งมั่นดีงาม ก็เหมือนหว่านเมล็ดพันธุ์ลงบนดินดีมีคุณภาพ ย่อมขยายผลไพบูลย์ เห็นผลงอกงามรวดเร็วในกาลปัจจุบัน ถ้าคิดถึงการทำบุญด้วยเงินกันอย่างเดียว คุณให้คนดีที่กำลังลำบากเพียงร้อยเดียว ยังได้ผลมากกว่าให้คนเลวที่ลำบากเท่ากันหนึ่งแสนเสียอีก อย่างไรก็ตาม การช่วยคนที่ดีที่สุดไม่ใช่ด้วยเงิน แต่เป็นด้วยธรรมะ เพราะกฎหนึ่งของเกมกรรมก็คือการให้ธรรมะจะชนะการให้ทั้งปวง หากคุณสามารถเปลี่ยนคนเลวเป็นคนดีได้ด้วยการให้ธรรมะ ผลย่อมวิเศษมหัศจรรย์กว่าการให้ธรรมะแก่คนที่ดีอยู่แล้วหลายร้อยหลายพันเท่า เหมือนคุณช่วยให้คนสะอาดดูดีขึ้นไม่ได้มากกว่าที่สะอาดอยู่แล้วสักเท่าไร แต่ถ้าช่วยคนสกปรกได้สะอาดขึ้น เขาจะสบาย คนรอบตัวเขาก็ไม่ต้องทนกลิ่นเหม็นเน่าอีกต่อไป ดังนั้นถามว่าการเข้าไปช่วยสอนคนคุก หรือการให้สื่อธรรมะกับคนคุกที่พวกเขาถูกจำกัดสิทธิ์ไม่ให้ออกมาหาธรรมะเอง จะเป็นบุญมากหรือบุญน้อย ต้องตอบว่าถ้าด้วยเจตนาตั้งต้นที่จะเปลี่ยนผิดให้เป็นถูก ปรับดำให้เป็นขาว เพียงเท่านั้นคนคุกที่อาจยังมีใจเป็นทุศีลก็จะเป็นที่ตั้งของบุญใหญ่ให้กับคุณทันที ยิ่งถ้าคุณสามารถเปลี่ยนความเห็นผิดของพวกเขามาเป็นความเห็นถูกได้ ก็แปลว่าคุณเอาเพชรขึ้นมาจากตม สร้างคนดีขึ้นมาจากศูนย์ ผลที่คุณจะได้รับย่อมเหนือกว่าสร้างเจดีย์ทองคำที่เปลี่ยนคนเลวเป็นคนดีไม่ได้เสียอีก สำหรับพ่อแม่เป็นข้อยกเว้นพิเศษ ไม่ว่าจะดีเลวอย่างไร ถ้าทำคุณกับพวกท่านก็ได้ผลเป็นความสุขความเจริญ เพราะได้ชื่อว่ารู้คุณคน ได้ชื่อว่าตอบแทนผู้ควรตอบแทน ได้ชื่อว่าใช้หนี้อันควรใช้ ตราบใดไม่ใช้หนี้ตามสมควร ตราบนั้นชีวิตย่อมเต็มไปด้วยแรงกดดัน เมื่อใช้หนี้พ่อแม่ด้วยความสุข มีความปลาบปลื้มยินดี แรงกดดันย่อมแปรเป็นขั้วตรงข้าม คือกลายเป็นแรงหนุนส่งให้ขึ้นสูงได้ยิ่งๆขึ้น ในแง่มุมที่ผู้รับผลเป็นพ่อแม่นี้ อาจทดลองได้ง่ายๆ ถ้าไม่คิดว่าจะลงทุนทำธุรกิจเพื่อเลี้ยงตัวอย่างเดียว แต่คิดว่าจะทำเพื่อให้พ่อแม่ได้สบายขึ้น หรือเพื่อให้ได้มีโอกาสตอบแทนพ่อแม่ คุณจะพบว่าอุปสรรคและความลำบากในเส้นทางทำเงินลดลง มีความราบรื่น มีช่องทำกำไรมากขึ้นค่อนข้างทันตาเห็น และขอเพียงรักษาความตั้งใจกับตนเอง เมื่อเกิดรายได้แล้วนำมาสมนาคุณพ่อแม่ตามสัตย์ คุณจะรู้สึกเหมือนมีแรงส่งอีกแรงหนึ่ง ให้ได้ดีมีสุขในกาลปัจจุบัน แม้ไม่ร่ำรวยมาก คุณก็จะไม่อยู่ในสภาพอัตคัดขัดสนเกินทนอย่างแน่นอน เพราะความสว่างอันเกิดจากแรงกตัญญูกตเวทีนั้น จะทำให้คนเมตตา และดึงดูดสิ่งดีมาช่วยอุดหนุนเอง ความเป็นสงฆ์ก็จัดเป็นอีกหนึ่งในข้อยกเว้นพิเศษ เพราะหากถวายทานแด่สงฆ์ที่ประพฤติธรรมและอยู่ในกรอบวินัยอันดีแล้ว ผลจะขยายผลออกไปอย่างไม่มีประมาณ คือไม่มีวันสิ้นสุดต่อให้เกิดอีกกี่ชาติกี่ภพก็ตาม ทั้งนี้ขอให้เข้าใจด้วยว่าการให้ผลอย่างไม่มีที่สิ้นสุดของสังฆทานนั้น หาใช่มาในรูปของการตกแต่งภพชาติให้คุณอยู่ในฐานะร่ำรวยล้นฟ้าตลอดไป แต่อาจหมายถึงการเป็นตัวช่วยหนุนให้รุ่งเรืองบ้างตามเหตุปัจจัยประกอบอื่นๆ หรือถ้าคุณพลาดพลั้งทำชั่วต้องตกระกำลำบาก บุญก็จะช่วยพยุงประคองไม่ให้โซซัดโซเซล้มตึงคลุกฝุ่นทั้งตัว
๗) จำนวนบุคคลที่จะได้รับผลดีร้าย
        กลุ่มน้ำรวมกันทั้งถังมีพลังมากกว่าน้ำแก้วเดียวอย่างไร คนเรือนพันย่อมมีพลังมากกว่าคนๆเดียวอย่างนั้น ใครสาดน้ำใส่คุณแก้วเดียว ย่อมไม่หนักเหมือนเอาน้ำสาดคุณทั้งถัง ซึ่งก็เช่นเดียวกับการที่คุณใส่แรงกระทำเข้าไปในกลุ่มคนกลุ่มใหญ่ คลื่นกระทบที่เป็นปฏิกิริยากลับมาย่อมรุนแรงกว่าที่คุณใส่แรงกระทำเข้าไปกับคนๆเดียวมากนักการอุปมาอุปไมยเปรียบเทียบคลื่นพลังสะท้อนของกลุ่มคนเข้ากับคลื่นสะท้อนของน้ำนั้น ได้แค่ใกล้เคียง ความจริงไม่ถูกต้องนัก เพราะเมื่อคุณก่อกรรมกับกลุ่มคน ต้องดูด้วยว่ากลุ่มคนดังกล่าวมีสัดส่วนของพาลหรือบัณฑิตมากกว่ากัน ถ้ารอบบ้านคุณเป็นครอบครัวคนธรรมดาหาเช้ากินค่ำ แล้วคุณเปิดเพลงรบกวนโสตประสาทพวกเขาทุกวัน รู้ทั้งรู้ว่าชาวบ้านรำคาญหูก็ไม่สน เมื่อกรรมเผล็ดผลคุณอาจต้องเผชิญกับเรื่องจุกจิกรำคาญใจไป ๓ ปี แต่หากเพียงทิศเดียวของบ้านคุณติดกับกุฏิพระปฏิบัติดีปฏิบัติชอบเพียงสองสามหลัง และคุณเปิดเพลงรบกวนโสตประสาทพวกท่านเหมือนกัน รู้ทั้งรู้ว่าพวกท่านคงไม่เป็นอันปฏิบัติสมณธรรม เมื่อกรรมเผล็ดผลคุณอาจต้องเดือดเนื้อร้อนใจอย่างสาหัสไป ๓๐ ปีหรือกว่านั้น (จำนวนปีของการให้ผลกรรมเกี่ยวกับหมู่สงฆ์ดีๆนั้นมากอย่างเหลือเชื่อ เพราะฉะนั้นกล่าวเพียงประมาณให้พอรับรู้ได้ถูกว่าเกินธรรมดาไปมากก็พอ) กรรมที่ทำกับมหาชนเรือนแสนเรือนล้านนั้น เปรียบเหมือนการเล่นกับน้ำทะเลหรือมหาสมุทร ทุกคนมีสิทธิ์เล่นน้ำมหาสมุทร แต่จะอยู่ดีหรือตายร้ายก็ขึ้นอยู่กับเล่นท่าไหน มีสติและวิธีการอย่างไร เมื่อกล้าหวังดีหรือหวังร้ายกับมหาชน เส้นทางกรรมของคุณก็มักผูกโยงกับมหาชน ความหวังดีจะทำให้คุณเป็นคนมีชื่อเสียงในด้านดี ความหวังร้ายจะทำให้คุณเป็นคนมีชื่อเสียงในด้านร้าย ปัญหาคือคนเราไม่ได้หวังดีเพื่อคนอื่นอย่างเดียว แล้วก็ไม่ได้หวังร้ายเพื่อเอาเข้าตัวอย่างเดียว ส่วนใหญ่คุณจึงเห็นคนมีชื่อเสียงได้หน้าบ้าง เสียหน้าบ้าง ได้รับดอกไม้บ้าง ได้รับอิฐบ้าง ชื่อหอมหวนขจรขจายบ้าง ชื่อเหม็นเน่าตลบอบอวลบ้าง สำหรับโลกยุคปัจจุบัน สื่อมวลชนจัดเป็นอาชีพที่มีโอกาสเล่นกับมหาชนมากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นโทรทัศน์ วิทยุ ตลอดจนสิ่งพิมพ์ทั้งหลาย และการถ่ายทอดระบบดิจิตอลก็สามารถบอกได้ทันทีด้วยว่ามีจำนวนผู้ชมช่องหนึ่งๆขณะหนึ่งๆมากน้อยเพียงใด เราทราบว่าข่าวสารกำลังเข้าหูเข้าตาผู้คนกี่หมื่น กี่แสน หรือกี่ล้าน ผู้กุมบังเหียนหรือมีอำนาจตัดสินใจให้ข้อเท็จจริงหรือบิดเบือนความจริงนั้นเอง ได้ชื่อว่ามีโอกาสบำเพ็ญคุณงามความดีเพื่อปวงชนอย่างสูง แต่ขณะเดียวกันก็เสี่ยงกับการแบกบาประดับประเทศหรือระดับโลกไว้บนบ่าด้วยเรื่องของมหาชนระดับโลกจะมีผลกับอะไรหลายอย่าง เช่นโลกปัจจุบันมีคนใช้ภาษาจีนกับภาษาอังกฤษมากที่สุด ฉะนั้นหากเล็งแลเป็นนิมิตจะเห็นว่าอักษรภาษาจีนและอังกฤษใหญ่โตกว่าอักษรของภาษาอื่น เนื่องจากมีขนาดขยายผลบุญบาปใหญ่กว่าภาษาอื่นๆนั่นเอง
 ๘) การอธิษฐาน
        เมื่อทำบาปด้วยความเห็นแก่ตัว หรือด้วยความผูกพยาบาทอาฆาต บาปจะไม่เป็นที่ตั้งให้ร้องขออะไรจากเกมกรรมได้ เมื่อทำบุญโดยเจืออยู่ด้วยความโลภหวังเอาผล จิตใจเพ่งเล็งอยากได้จนเกิดโสมนัสในบุญน้อย บุญนั้นจะมีกำลังอ่อน ให้ผลดีได้จำกัด และแม้เป็นที่ตั้งให้ร้องขออะไรจากเกมกรรมได้บ้าง ก็อยู่ในขอบเขตจำกัดเช่นกัน เมื่อคิดหวังประโยชน์แก่ผู้อื่นแล้วทำบุญ เข้าใจว่าการทำบุญนั้นคือการสละออก และคือการรักษาศีลเพื่อความไม่เดือดร้อนตนไม่เดือดร้อนท่าน ประกอบกับมีความเลื่อมใสว่าบุญเป็นที่มาแห่งความสุขขณะทำ และเป็นเหตุปัจจัยแห่งความสุขในกาลต่อไป ตลอดจนมีความเคารพในบุญ ลงมือทำบุญด้วยตนเอง ทำบุญแล้วเกิดปีติโสมนัสอย่างแรงกล้า บุญนั้นจะมีพลกำลังมหาศาล อาจเป็นที่ตั้งให้ปรารถนาขออะไรจากเกมกรรมได้มาก คืออาจมากเท่าจินตนาการซึ่งเกิดขณะจิตเป็นมหากุศลเต็มรอบ เพราะจิตที่กำลังเป็นกุศลบริสุทธิ์นั้น จะมีสัญชาตญาณทราบได้เองว่าด้วยกำลังบุญประมาณนี้ สมควรกับผลประมาณไหน เมื่อทำบุญอย่างประเสริฐดังกล่าวข้างต้นแล้วอธิษฐานเพื่อคนอื่น ไม่มีความคิดเอาเข้าตัว จะให้ผลยิ่งใหญ่ที่สุด ขอยกตัวอย่างนางทาสคนหนึ่ง ถูกใช้งานตั้งแต่ค่ำยันรุ่ง เหน็ดเหนื่อยสายตัวแทบขาด หิวโหยแทบลมจับ แต่ได้อาหารปันส่วนเป็นข้าวแค่กระแบะมือเดียว ขณะถึงเวลากิน นางไปนั่งริมทาง เผอิญแลเห็นพระพุทธเจ้าเสด็จผ่านมาบิณฑบาต เห็นพุทธลีลาอันน่าเลื่อมใส ก็บังเกิดปีติ ลืมความหิวโหยเสียสิ้น เกิดกำลังใจเกินชีวิตตน ปรารถนาจะถวายข้าวกระแบะมือเดียวนั้นแด่พระพุทธองค์ แต่แม้ปรารถนาแล้ว นางทาสก็ยังเกรงอยู่ เนื่องจากข้าวของตนมีปริมาณน้อย กับทั้งสกปรกดูไม่คู่ควรกับพระลักษณะสูงส่งของพระพุทธเจ้า พระพุทธองค์ทรงมีญาณรู้วาระจิตมนุษย์ ทราบว่านางทาสคิดลังเลเช่นนั้น ก็ทรงปรารถนาจะให้กำลังใจนาง โดยดำเนินตามทางมาหยุดประทับยืนนิ่งเพื่อขอบิณฑบาต นางทาสเห็นเช่นนั้นก็ดีใจเป็นล้นพ้น รีบถวายข้าวกระแบะมือเดียวของตนทันที เพราะมั่นใจแล้วว่าพระพุทธเจ้าจะทรงรับแน่
พระพุทธองค์ยังมีพระกรุณาให้กำลังใจนางยิ่งกว่านั้นอีก คือประทับนั่งในที่อันควรแล้วเสวยให้นางเห็นกับตาว่ามิได้ทรงรังเกียจข้าวสกปรกของนางแม้แต่น้อย ยังความปลาบปลื้มโสมนัสอย่างใหญ่หลวงที่สุดในชีวิตแก่นาง เพราะตลอดอายุที่ผ่านมาจนถึงบัดนั้น นางไม่เคยมีโอกาสทำบุญยิ่งใหญ่มาก่อน นางทาสทำบุญด้วยใจคิดสละออกตั้งแต่แรก และแม้เมื่อทำบุญสำเร็จก็ยังมีแก่ใจคิดเพื่อพระศาสนาอีก กล่าวคือนางเห็นว่าชาตินั้นนางมีวาสนาน้อย ทำนุบำรุงพระศาสนาได้เพียงด้วยข้าวกระแบะมือเดียว แต่นางก็ทำด้วยความเต็มใจ และทำแบบทุ่มหมดตัวโดยไม่เห็นแก่ความหิวโหย ด้วยบุญนั้นก็ขอให้เกิดใหม่ครั้งต่อๆไปจงมีสมบัติเพียงพอจะทำนุบำรุงศาสนาพุทธให้เจริญรุ่งเรืองสืบไปด้วยเถิดผลที่เกิดจากมหากุศลจิตในสถานการณ์ที่ต้องตัดสินใจเสียสละทันที ผนวกเข้ากับแรงอธิษฐานดังกล่าว ทำให้เจ้านายของนางเกิดความเอ็นดูในตัวนาง และให้อิสระกับนางเกือบๆจะในวันนั้นเอง เมื่อตายไป เพียงด้วยกรรมคือถวายคำข้าวแด่พระพุทธองค์เพียงกระแบะมือเดียว นางก็ไปเกิดเป็นนางฟ้าผู้มากด้วยทิพยสมบัติ ถึงอายุขัยแล้วลงมาเกิดเป็นลูกเศรษฐีมหาศาล นอกจากนั้นการตัดสินใจเด็ดเดี่ยวด้วยกำลังใจเกินชีวิตตนซึ่งหาคนเทียบได้ยาก ทำให้นางเกิดตายกี่ครั้งก็มีอิสริยยศ มีความโดดเด่นและเป็นผู้นำในหมู่สตรีทั้งหลายเสมอๆ รวมทั้งมีทรัพย์มาก คำว่าขาดทรัพย์ ขาดลาภนั้นไม่เป็นอันรู้จัก กระทั่งมีโอกาสทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาสมความตั้งใจ ขนาดนึกอยากสร้างวัดก็สร้างได้อย่างอลังการด้วยทรัพย์ส่วนตัวของนางเอง จะเห็นว่าแม้อาหารจะเป็นวัตถุทานมีอายุสั้น แต่ผลก็ถูกขยายออกไปเป็นอนันต์ได้ ขอเพียงสบช่อง ได้ถวายทานแด่บุคคลที่มีจิตวิญญาณสูงส่ง มีสถานการณ์ที่ก่อให้เกิดมหาโสมนัส ตลอดจนมีคำอธิษฐานอันเป็นไปเพื่อประโยชน์ใหญ่แก่สาธารณะ ดังตัวอย่างที่ยกมา จริงๆแล้วการทำบุญไม่จำเป็นต้องอธิษฐานหรือขออะไรเพื่อตัวเอง เพราะบุญไม่ไปไหนอยู่แล้ว ให้ผลกับตัวเองอยู่แล้ว และเป็นเรื่องยากสำหรับคนทั่วไป ที่จะไม่อธิษฐานขออะไรให้ตนเองด้วยความโลภ อย่างไรก็ตาม เมื่อยังไม่เชื่อสนิทว่ากำลังเล่นเกมกรรม หากทำบุญเกิดโสมนัสครั้งใดแล้วอธิษฐานว่า ขอบุญนี้จงบันดาลให้รู้เหตุผล รู้กลไกกรรมวิบากอย่างชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ นี่ก็นับเป็นการอธิษฐานที่ฉลาด เพราะหากอธิษฐานทุกครั้งจนกระทั่งเกิดผลเหนี่ยวนำให้เกิดเรื่องดีๆ พบครูดีๆ ที่จะทำให้เห็นความจริงกระจ่างแจ้ง กระทั่งเกิดศรัทธาตั้งมั่น เห็นตนเองอยู่ ณ ใจกลางวงล้อมของกับดักแห่งเกมกรรมจริงๆ คุณก็จะไม่เป็นผู้ถอยกลับอีกต่อไป จากความจริงข้างต้น จะเห็นว่าการอธิษฐานอาจเป็นตัวเร่ง หรือเป็นทางลัดให้เห็นผลทันตาทันใจได้ ขอเพียงไม่ขอเกินตัว ไม่เรียกร้องเกินกำลังบุญของตนเท่านั้น
ปัจจัยในการรับผล
 ๑) ความจำ
         เมื่อจบจากเกมกรรมในชาติหนึ่งๆ คุณจะตัดขาดจากอุปกรณ์เล่นเกมในชาติที่ผ่านมา หมายความว่าแม้ยังมีคนได้ประโยชน์หรือเสียประโยชน์จากกรรมของคุณอยู่ คุณก็จะไม่ได้บุญหรือบาปเพิ่มขึ้น และไม่อาจรู้สึกผิดหรือปลาบปลื้มใดๆกับตัวตนในเกมเก่าอีกแล้ว ความข้องเกี่ยวเดียวคือคุณมีหน้าที่ต้องเป็นทายาทรับผลกรรมที่ก่อไว้ท่าเดียว ในเกมใหม่องค์ประกอบของเกมจะถูกจัดตั้งใหม่หมดเหมือนทุกครั้ง สิ่งที่คุณจะลืมตาขึ้นมาเห็นคือพ่อแม่คู่ใหม่ เพศใหม่ รูปร่างหน้าตาใหม่ แก้วเสียงใหม่ สุขภาพใหม่ ฐานะใหม่ ที่อยู่อาศัยใหม่ ครูใหม่ ความเฉลียวฉลาดใหม่ และวิธีใช้สติคิดอ่านใหม่ๆ โดยความ ใหม่ของสมบัติแต่ละอย่างจะถูกกรรมในเกมก่อนหน้าตกแต่งให้เป็นไป สิ่งหนึ่งที่ใหม่แน่ๆโดยกรรมไม่ต้องตกแต่ง ได้แก่ความทรงจำ เกือบทุกคนต้องลืมหมด และเหตุผลของการลืมก็มีหลายข้อ เช่น ไม่ต้องสำนึกผิดกับบาปใหญ่หนหลัง ไม่มีสิทธิ์อ้างสมบัติเก่าซึ่งหมดสิทธิ์ตามกายใจที่แตกดับไปแล้ว ให้โอกาสจับคู่มีความสัมพันธ์กันแบบใหม่โดยไม่ต้องคำนึงว่าเคยเป็นเครือญาติและเหตุผลข้อสำคัญที่สุด การลืมเป็นองค์ประกอบหนึ่งของการลองใจ คือถ้าจะดูว่าใครเป็นอย่างไรจริงๆ ก็ต้องดูวิธีเลือกตัดสินใจตอนไม่รู้ว่าจะได้รางวัลหรือโดนลงโทษอย่างไรจากการตัดสินใจนั้นๆ เกมกรรมจับคุณเข้ากรงเพื่อเผชิญหน้ากับแรงบีบคั้นและแรงต้านต่างๆ โดยไม่บอกคุณสักคำว่าควรหรือไม่ควรทำอย่างไร เพราะถือว่ากรรมเก่าของคุณจัดสรรตัวช่วยในช่วงเริ่มต้นชีวิตมาให้แล้ว และเกมกรรมก็จะไม่รับผิดชอบด้วย ถ้าตัวช่วยของคุณหลอกให้คุณหลงผิด เห็นกงจักรเป็นดอกบัว เพราะตัวช่วยของคุณก็คือสิ่งที่คุณในอดีตสร้างทำไว้นั่นเอง จึงต้องรับผิดชอบเอาเอง การจำไม่ได้และไม่รู้อีโหน่อีเหน่อะไรเลยของมนุษย์ธรรมดาคนหนึ่ง จะทำให้คุณเผชิญทุกข์ด้วยความกระวนกระวาย เหมือนถูกยั่วให้ไม่เข้าใจ และมองไม่เห็นความยุติธรรมใดๆในโลก แต่เมื่อเสวยสุขก็ประมาท ลำพองตน นึกว่าโลกเข้าข้าง นึกว่าเป็นเจ้าใหญ่เหนือสามัญมนุษย์ เหนือกฎเกณฑ์ใดๆ มีแค่หนึ่งในหมื่นหรือหนึ่งในแสนเท่านั้นที่ติดความทรงจำจากเกมกรรมก่อนหน้ามาด้วย ซึ่งก็จะเป็นที่รู้จักในนามของเด็กระลึกชาติ เหตุที่ทำให้เกิดกรณียกเว้นพิเศษ ให้เป็นคนจำอดีตชาติของตัวเองได้นั้น มีอยู่หลายประการ จะขอกล่าวโดยหลักเพียงสองประการ ประการแรกคือเพิ่งตายจากความเป็นมนุษย์แล้วกลับมาสู่ความเป็นมนุษย์ทันที รวมทั้งมาเกิดในถิ่นฐานเดิม ซึ่งยังคงมีเครื่องเตือนความจำอยู่มาก คล้ายคนเคยฝันถึงการเดินป่า พอตื่นขึ้นลืมสนิทว่าฝันถึงการเดินป่า แต่หนึ่งเดือนต่อมามีโอกาสเดินป่าจริงๆ ก็ระลึกได้ และรู้สึกเหมือนเคยเห็นอะไรๆแบบในฝันมาก่อน กรณีการตายจากมนุษย์แล้วย้อนกลับมาเกิดเป็นมนุษย์ทันที แถมเกิดใกล้ถิ่นเดิมมีน้อยมาก ส่วนใหญ่ถ้าไม่ไปทุคติภูมิก็ไปสุคติภูมิชั้นที่เหนือกว่ามนุษยภูมิ หรือแม้กลับมาเกิดเป็นมนุษย์อีกก็ไปอยู่ถิ่นอื่น ทั้งนี้เพราะความเป็นมนุษย์มักพาไปสู่ความเจริญขึ้นกว่าเดิม หรือเสื่อมลงกว่าเดิม อย่างใดอย่างหนึ่ง ที่จะดีร้ายเสมอตัวเท่าทุนเดิมนั้นยาก อีกประการที่ทำให้ระลึกชาติได้คือทำบุญจนเกิดโสมนัสแล้วอธิษฐานบ่อยๆ ขอให้เป็นผู้จดจำอดีตชาติได้โดยไม่ต้องใช้ความพยายาม ถ้าจะขออะไรจากบุญของตน นักอธิษฐานมักขอให้หล่อสวยร่ำรวยเสียมาก ที่จะหาคนตั้งใจอธิษฐานบ่อยๆให้ระลึกชาติได้นั้นยาก ประเด็นสำคัญที่จะกล่าวถึงในหัวข้อนี้ ก็คือหากจำได้ การรับผลกรรมจะแตกต่างพิสดารไปจากคนสามัญธรรมดาทั่วไป ข้อแรกที่เห็นได้ชัดคือไม่ต้องสงสัยว่าการเวียนว่ายตายเกิดมีจริงไหม ข้อสองคือสามารถประจักษ์กับตนว่าสิ่งที่เคยทำไว้แล้วกับคนอื่น ก็ย้อนกลับมาเกิดขึ้นกับตนบ้าง ทำให้มีโอกาสเชื่อว่าตนอยู่ในวงเวียนเกมกรรมง่ายขึ้น เมื่อต้องเผชิญทุกข์อันเกิดจากกรรมเก่าที่จำได้ ก็ย่อมไม่ตีโพยตีพายถามหาความยุติธรรมจากฟ้าดินเหมือนคนอื่น อย่างไรก็ตาม การระลึกชาติไม่ได้เป็นประกันว่าจะทำให้หันมาศรัทธากรรมวิบากเสมอไป ต้องพบครูดีที่รู้เห็นเหนือกว่าด้วย จึงจะต่อยอดความจำที่มีแบบแหว่งๆ วิ่นๆ ให้เป็นความเข้าใจที่เข้าทางได้อย่างสมบูรณ์ เพราะคนจะเห็น เข้าใจกฎการเวียนว่ายตายเกิดของเกมกรรมจริงๆ ก็ต้องระลึกได้หลายๆชาติ ไม่ใช่แค่ชาติเดียว การเห็นความเกิดตายหลายๆชาตินั้น อย่างน้อยทำให้เห็นนิมิตว่าชาติหนึ่งทำกรรมหลักๆประการใด อีกชาติถึงไปเสวยผลสอดคล้องตามนั้น เมื่อเห็นหลายรอบหลายภพภูมิเข้าก็หมดความสงสัย ทราบชัดว่าเพราะบุญอันสว่างจึงนำไปสู่ภพสว่าง เพราะบาปอันมืดจึงนำไปสู่ภพมืด
 ๒) สถานภาพขณะเสวยผลกรรม
        ถ้ารวยเป็นเศรษฐีหมื่นล้าน ถูกขโมยแจกันราคาหนึ่งล้าน จะไม่ทำให้เดือดร้อนกาย แต่อาจเดือดร้อนใจ ขึ้นอยู่กับว่าแจกันนั้นเป็นใบโปรดหรือไม่ หรือมีค่าทางใจในเชิงประวัติศาสตร์ขนาดไหนพูดโดยนัยของเกมกรรม หากกำลังเสวยผลกรรมด้านดีที่ปรุงแต่งให้ร่ำรวยระดับหมื่นล้าน แล้วได้เวลากรรมข้อลักขโมยเผล็ดผลเช่นกัน ก็จะไม่เกิดความทุกข์ทรมานมากนัก เนื่องจากไม่มีโจรรายใดปล้นทรัพย์สินรวดเดียวเป็นหมื่นล้านได้ อย่างน้อยต้องเหลือไว้ให้เอาตัวรอดตลอดชีวิตได้สบายๆ กรรมที่ทำให้เจอเคราะห์ร้ายในขณะพร้อมจะรับมือ หรือสามารถผ่านไปได้สบายๆ มาจากการเป็นคนชอบฉุดคนล้มให้ลุก หรือเห็นใครตกทุกข์ได้ยากก็มีน้ำใจช่วยโดยไม่หวังผลตอบแทนใดๆ และเป็นการช่วยในแบบให้ลอยพ้นปัญหาอย่างเด็ดขาด กรรมดีนี้จะทำตัวเป็นผู้จัดการลำดับการให้ผลกรรมชั่วอื่นๆมาปรากฏขณะที่ยังมีกำลังวังชาพรักพร้อม ต้องหมายเหตุด้วยว่ากรรมชั่วในกรณีตัวอย่างโดนขโมยแจกันแพงๆขณะเป็นเศรษฐีนั้น มักหมายถึงกรรมชั่วเล็กน้อย เช่นเคยขโมยของคนอื่น โดยที่ใจรู้ (หรือคาดเดา) ว่าเจ้าของจะไม่เดือดเนื้อร้อนใจใดๆ เช่นขโมยมะม่วงพวงหนึ่งจากต้นที่เจ้าของปักป้ายไว้ว่า ห้ามขโมยให้เห็นเป็นต้น ส่วนถ้าหากเป็นตรงข้าม ใครโดนผลกรรมกดหัวให้ตกต่ำ มีฐานะลำบากยากแค้นอยู่แล้ว ยังโดนโจรกระหน่ำซ้ำ ขโมยข้าวของเงินทองซึ่งมีความจำเป็นต่อการดำรงชีพเข้าไปอีก ไม่อยู่ในจังหวะที่บุญเก่าอันใดจะช่วยพยุงให้ เช่นนี้ทุกข์ย่อมเกิดอย่างอุกฤษฏ์ ฟ้องถึงจังหวะโดนหวดกระหน่ำสุดมือจากเกมกรรม กรรมที่ทำให้เจอเคราะห์ซ้ำกรรมซัดนั้น มาจากการเป็นคนชอบเหยียบย่ำซ้ำเติมคนอื่น เห็นใครล้มจะชอบกระทืบซ้ำ (อาจหมายถึงด้วยเท้าจริงๆแบบวัยรุ่นคะนอง หรือเป็นในเชิงอุปมาอุปไมยนิยมการรุมเล่นงานคนพลาดล้ม) หากนิสัยเสียๆติดตัว ชมชอบการซ้ำเติมจริงๆ กรรมชั่วนี้จะทำตัวเป็นแม่เหล็กดึงดูดกรรมชั่วอื่นๆให้เรียงแถวเข้ามาโจมตีในเวลาไล่เลี่ยกัน อีกความเป็นไปได้หนึ่งคือเคยเป็นมหาโจรใจบาป ยกเค้าแบบไม่ให้เหลือของจำเป็นติดบ้านสักชิ้น หรือเห็นๆอยู่ว่าเจ้าของบ้านลำบากเดือดร้อน ก็ยังสนุกกับการปล้นเป็นการซ้ำเติม ขอให้จำง่ายๆว่ากรรมที่ทำขณะมีจิตใจเหี้ยมเกรียมนั้น มักให้ผลเป็นเคราะห์ร้ายซ้ำซ้อน ทรมานแทบแด่วดิ้นอยู่แล้วก็ยังดาหน้ามาหาอีกและอีกไม่รู้จบรู้สิ้น
 ๓) การคานกันระหว่างบุญบาปคู่ตรงข้าม
        ในคนๆเดียว อาจทำบุญทำบาปเป็นตรงข้ามกันได้ราวกับเป็นคนละคน เช่นเมื่อสมัครใจเคารพรักบูชาพระอาจารย์รูปหนึ่ง ก็ชักชวนญาติมิตรพี่น้องไปกราบไหว้ ต่อมาผิดใจกับพระอาจารย์ ก็ตั้งตนเป็นศัตรู นินทาว่าร้ายต่างๆนานาให้สานุศิษย์ทุกคนตีตัวออกห่างและเกลียดชังพระอาจารย์ที่ตนโกรธแค้น เมื่อทำบุญกับบาปเช่นดังตัวอย่าง เวลาให้ผลก็มักมีเหตุการณ์อันเป็นตรงข้ามมาสู้กัน เช่นถ้าหากบุญเผล็ดผลก่อน เหตุการณ์ดีๆเช่นมีคนแห่แหนชื่นชมก็มาก่อน แต่ไล่ๆกันนั้นเมื่อบาปเผล็ดผล เหตุการณ์ร้ายๆเช่นมีคนด่าทอต่อต้านก็ตามมา อาจเป็นรูปแบบเดียวกับที่เคยทำไว้ก่อน หรืออาจเพียงคล้ายกัน แต่ผลทางใจจะเหมือนกัน คือหนุนให้สุขเลิศลอยราวกับนั่งเมฆ แล้วกลับฉุดให้ดิ่งลงราวกับหล่นกระแทกก้นเหว บุญบาปอันเป็นตรงข้ามที่ทำควบคู่กันหรือในเวลาไล่เลี่ยกันนั้น เวลาให้ผลมักมาด้วยกัน หมายความว่าถ้าบุญยังไม่เผล็ดผล บาปที่คู่กันก็จะไม่เผล็ดผลด้วย แต่หากสบช่องที่บุญจะเผล็ดผล บาปก็จะต่อแถวเผล็ดผลตามด้วยเช่นกัน
  ๔) การคานบุญบาประหว่างบุคคล
        คุณไม่ได้อยู่คนเดียวในโลก และคุณก็ไม่ได้ทำบุญทำบาปอยู่คนเดียว ทั่วโลกเต็มไปด้วยคนที่ทำแบบคุณ และยากที่คุณจะทำบุญทำบาปได้หนักหน่วงเหนือคนเป็นล้านๆแต่หากคุณเป็นหนึ่งในล้าน ประเภทลุกขึ้นมาคิดทำบุญใหญ่เองโดยไม่มีใครชักชวน โดยวิธีทำบุญนั้นคุณเป็นต้นคิด เมื่อทำแล้วได้ประโยชน์ใหญ่ขึ้นเรื่อยๆ คุณก็ยิ่งรุกคืบต่อไปเรื่อยๆราวกับนักธุรกิจที่พึงใจกำไรอันงอกเงยไม่หยุดหย่อน ทว่ากำไรในที่นี้แทนที่จะเป็นเงินทอง ก็เปลี่ยนเป็นความสุข ความรู้สึกสว่างไสว และรอยยิ้มของผู้รับผลที่ผุดให้เห็นราวกับแถวดอกไม้ในสวนใหญ่ บุญอันเกิดจากการทุ่มเทช่วยเหลือคนไม่เลือกหน้าและไม่หยุดยั้งเช่นนี้ เกมกรรมมักจัดให้ได้ไปเป็นกษัตริย์ ยิ่งระยะเวลาในการช่วยเหลือมหาชนในอดีตชาติต่อเนื่องยาวนานขึ้นเพียงใด ระยะเวลาในการครองราชย์ในชาติถัดมาก็นานขึ้นเท่านั้น ส่วนจำนวนมหาชนที่ช่วยเหลือให้เป็นสุขได้ จะเผล็ดผลเป็นระดับความไพบูลย์แห่งราชสมบัติและข้าราชบริพาร อย่างไรก็ตาม ถ้ามีคนเคยใจบุญอย่างเหลือเชื่อเหมือนคุณ แล้วเผอิญตกช่องเกิดใหม่ในถิ่นเดียวกับคุณ ต่างฝ่ายต่างลืมไปแล้วว่าเคยทำบุญอะไรมา รู้แต่ว่าเกิดมาก็มีบุญยิ่งใหญ่ทัดเทียมกัน หากเคยผูกไมตรีต่อกันไว้ก่อน ก็จะเป็นสัญญาณนำร่องที่ดี เมื่อพบกันก็เป็นมิตรกัน ต่างฝ่ายต่างเป็นใหญ่ในเขตของตน ทุกเรื่องตกลงกันได้ โดยไม่มีใครเล็งแลอยากพิชิตเมืองใคร แต่หากเคยผูกใจอาฆาตกันและกันไว้โดยยังไม่มีใครคิดอโหสิให้ อย่างนี้เพียงพบกัน หรือเพียงได้ยินกิตติศัพท์ของอีกฝ่าย ก็จะอยากท้ารบ อยากรู้ว่าใครใหญ่กว่าใคร แม้ในระดับยอดยังเขม่นกันได้ เช่นนี้จะป่วยกล่าวไปไยสำหรับการแย่งชิงอำนาจ การชิงดีชิงเด่นระหว่างคนมีบุญบารมีสามัญ ดังนั้นการเป็นคนแสนดีใช่หวังได้ว่าผลจะเป็นสุขล้วน ตราบใดยังมีปัจจัยคือแรงริษยาหรือความผูกพยาบาทอาฆาตติดตัวอยู่ แต่ละคนย่อมพบคู่แข่ง คู่เทียบเคียง ที่ก่อให้เกิดความรู้สึกเขื่องหรืออ่อนด้อย ผลบุญจึงไม่ได้ให้ความสุขที่สมบูรณ์ในตัวเอง และคุณก็อาจไม่พอใจในผลบุญอันเลิศแล้ว ตราบใดที่ใจยังเต็มไปด้วยมานะ แข่งเขาแข่งเราอยู่ ในเวลาก่อบาป โมหะอาจทำให้คุณและคู่แข่งนึกสนุก ใครใจถึง ใครกล้าทำบาปมากกว่ากันถึงว่าเก่งกว่า แต่เมื่อบาปเผล็ดผลแล้ว จะไม่ทำให้คุณคิดอยากแข่งกับใคร เช่นใครเป็นง่อยมากกว่ากัน ใครหูตึงมากกว่ากัน ฉะนั้นการเทียบเคียงผลกรรมชั่วที่เผล็ดผลแล้ว มักเป็นไปในรูปที่ทำให้คุณรู้สึกดีขึ้นบ้าง อย่างน้อยมีเพื่อน หรือเห็นว่ามีคนที่เขาทุกข์กว่าคุณอีกมาก
 ๕) ความข้องอยู่ในไมตรีและความอาฆาต
         อันเนื่องจากคุณไม่ได้ทำกรรมกับตัวเองคนเดียว โดยมากคุณจะทำกรรมกับคนรอบข้าง ซึ่งก็ก่อให้เกิดความสัมพันธ์รูปแบบต่างๆ หากหนักไปในทางดีก็เรียกว่าเป็นกรรมสัมพันธ์ขาว ทำให้มีไมตรีต่อกัน แต่หากหนักไปในทางร้ายก็เรียกว่าเป็นกรรมสัมพันธ์ดำ ทำให้เกิดความอาฆาตต่อกัน คนมีกรรมสัมพันธ์ขาว เมื่อพบกันมักรู้สึกเย็น เข้ากันได้ดี และไม่นึกรังเกียจกัน ยิ่งหากเคยร่วมบุญกันมาก่อน พอมาทำธุรกิจร่วมกันก็เจริญรุ่งเรืองทันตาเห็น เป็นต้น ความรู้สึกดีๆถ้าไม่สะดุดด้วยเหตุใดเหตุหนึ่งเสียก่อน ก็ย่อมกระชับสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นยิ่งขึ้น กลายเป็นแรงเหนี่ยวนำให้ได้ไปพบกันฉันมิตรอีกในเกมกรรมครั้งหน้า คนมีกรรมสัมพันธ์ดำ เมื่อพบกันมักรู้สึกร้อน เข้ากันไม่ได้ และนึกรังเกียจกัน ยิ่งหากเคยฆ่าแกงกันด้วยใจผูกพยาบาท พอมาสบตากันบนถนนก็อาจควักปืนมายิงกันดื้อๆ เพราะเวรเก่ากระตุ้นให้เดือดดาลวู่วามไปวูบใหญ่ สติสัมปชัญญะและความยั้งคิดหยุดชะงักหมด กรรมใหม่ที่ทำเลวร้ายต่อกันย่อมต่ออายุให้แรงอาฆาตยืดยาวออกไปอีก ต่อเมื่อชาติใดชาติหนึ่งมีสักฝ่ายที่อบรมจิตจนอยู่เหนือความโกรธแค้นอาฆาต มาพบอริเก่าก็สาดเมตตาดับโทสะในจิตตนสำเร็จ ก็จะค่อยๆเป็นน้ำเย็นดับเพลิงในอีกฝ่ายได้ด้วยเช่นกัน การผูกไมตรีและการผูกเวรมักซับซ้อน กลับไปกลับมา แต่โดยหลักคือใครผูกกันไว้อย่างไรก็เกิดเหตุการณ์ดีร้ายระหว่างกันเช่นนั้น และเหตุการณ์ดีร้ายระหว่างกันจะดำเนินต่อไปเรื่อยๆ ตราบเท่าที่ยังไม่ตัดไมตรี หรือไม่อาจเลิกแค้นกันได้อย่างเด็ดขาด
 ๖) ความศรัทธาในกรรมและผลกรรม
         หากชาติใดคุณมีโอกาสพบครูดี ช่วยชี้ให้เชื่อว่ากรรมทั้งหลายมีผล คุณจะมองสิ่งที่เกิดขึ้นในชีวิตต่างไป ไม่ว่าดีหรือร้ายเมื่อเชื่อว่าสิ่งดีร้ายและเรื่องดีร้ายทั้งหลาย มีได้ก็โดยอาศัยแรงส่งจากกรรมเก่า ทั้งที่ทำไว้เมื่อวาน ทั้งที่ทำไว้เมื่อเดือนก่อน ทั้งที่ทำไว้ในปีก่อน และทั้งที่ทำไว้ในเกมกรรมครั้งก่อน คุณจะไม่หลงลำพอง ไม่คิดว่ามีดีแล้วจะทำอะไรก็ได้ แต่จะอ่อนน้อมถ่อมตน คิดว่ามีดีแล้วควรต่อบุญ เพิ่มคะแนนสะสมที่เป็นบวกยิ่งๆขึ้นไป และจะโค้งคำนับรับชะตา ไม่คิดว่าเคราะห์ร้ายแล้วหมดทางสู้ จากการมีท่าทีกับผลกรรมแตกต่างไปอย่างสิ้นเชิง จะทำให้คุณเสวยสุขทุกข์ทั้งหลายด้วยสติ ไม่ฟูจนฟ่องเกินเหตุเมื่อสมหวัง ไม่แฟบจนฟุบหมอบเมื่อผิดหวัง ด้วยความเข้าใจอย่างแท้จริงว่าอะไรๆต่างก็เกิดจากเหตุ หากเหตุหมดผลก็หมด ไม่มีสิ่งใดเที่ยงแท้ถาวรและไม่ว่าคุณจะเสวยผลกรรมดีร้ายมากน้อยเพียงใด ในที่สุดคุณจะได้ข้อสรุปขึ้นมารางๆ ว่าควรศึกษาเกมกรรมให้ละเอียดลออยิ่งๆขึ้น ยิ่งรู้เรื่องเกมกรรมมากเท่าไหร่ยิ่งได้เปรียบมากขึ้นเท่านั้น
ความฉลาดในเกมกรรม
ความฉลาดจะช่วยให้คุณลงทุนน้อยแต่ได้กำไรมาก
        โบนัสหรือคะแนนพิเศษที่ให้กันในเกมทั่วไปนั้น อาจต้องผ่านด่าน ผ่านขั้นตอนหลายชั้น จึงจะไปถึงจุดที่ได้โบนัสมา หรือถึงจุดที่เล่นเพื่อเอาโบนัสโดยเฉพาะ เป็นการทวีคะแนนให้ถีบตัวสูงขึ้นแบบพรวดพราด เพื่อสร้างพลังขับดันให้หูตาตื่น เล่นเกมต่อด้วยความฮึกเหิมและรู้สึกพรักพร้อมเต็มพิกัดและเช่นเดียวกับโบนัสปลายปีที่บริษัทสมนาคุณแก่พนักงานซึ่งตั้งใจทำงาน ยิ่งได้โบนัสมากเดือนขึ้นเท่าไหร่ พนักงานย่อมเกิดความรู้สึกผูกพันและจงรักภักดีอยากทำกำไรให้กับบริษัทมากขึ้นเท่านั้น โบนัสในเกมกรรมจะทำให้คุณทั้งฮึกเหิม และทั้งติดใจอยากเล่นเกมกรรมต่อไปอีกตราบนานเท่านาน เพราะจะมาในรูปของการเพิ่มคะแนนสะสมแบบล้นหลาม ชนิดทำให้คุณมีแต้มต่อเหนือกว่าคนอื่นอย่างเห็นได้ชัด เมื่อไม่รู้ตัวว่ากำลังเล่นเกม อย่าว่าแต่จะแสวงหาโบนัส แค่ใครบอกให้พยายามใส่ใจเก็บสะสมแต้มก็ยากที่จะฟังแล้ว ในทางตรงข้าม หากรู้ตัวว่ากำลังเล่นเกม คุณจะแสวงหาโบนัสอย่างเอาเป็นเอาตาย โดยเฉพาะอย่างยิ่งถ้ารู้ว่าโบนัสจะเพิ่มสีสันให้เกมของคุณ ไม่หลงเหลือความเอื่อยเฉื่อยน่าเบื่ออีกต่อไป
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างโบนัสหลักๆที่จะทำให้คุณรู้สึกถึงคะแนนบวกที่เพิ่มขึ้นอย่างเด่นชัดและรวดเร็วทันใจ
๑) กราบพระปฏิมา
        การกราบไหว้คือการน้อมกายน้อมจิตลงสู่อาการเคารพสูงสุด หมายความว่าขณะแห่งการกราบแต่ละครั้ง หากทำด้วยใจจริงแล้ว จิตของคุณจะไม่มีมานะ ไม่มีความถือตัวถือตน
        การกราบคือการยอมรับว่ามีใครบางคนเหนือกว่าคุณ มีพระคุณเหนือเกล้าเหนือกระหม่อมของคุณ และขณะที่แสดงความเคารพสิ่งศักดิ์สิทธิ์เหนือชีวิตนั่นเอง นอกจากจิตจะเป็นมหากุศลด้วยความรู้คุณแล้ว ยังเปิดรับกระแสความศักดิ์สิทธิ์เข้ามาเป็นส่วนประกอบของรัศมีจิตอีกด้วย ความรู้สึกภายในที่ยืนยันความจริงดังกล่าว คือกายยิ่งค้อมลงต่ำต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์เพียงใด ใจยิ่งผ่องแผ้วไร้มลทินมากขึ้นเท่านั้น ความผ่องแผ้วไร้มลทินเป็นลักษณะหนึ่งของสิ่งศักดิ์สิทธิ์ชั้นสูง ยิ่งรู้สึกชัด ก็แปลว่ากระแสความเป็นเช่นนั้นเข้าถึงจิตคุณเต็มที่มากขึ้น
        การนำอาหารหรือเครื่องยัญไปบูชาเทพเจ้าตลอดปีหนึ่งนั้น ทั้งหมดก็ไม่เท่าหนึ่งในสี่ของการการอภิวาทท่านผู้ดำเนินไปอย่างถูกต้องตรงทางทั้งหลาย ซึ่งก็ได้แก่พระพุทธเจ้าและพระอรหันต์ผู้บริสุทธิ์หมดจดจากกิเลสทั้งหลาย แต่เมื่อพระพุทธองค์เสด็จดับขันธ์แล้ว ก็จำเป็นต้องนำรูปแทนหรือพระปฏิมามาเป็นสัญลักษณ์แทนกัน ความเจริญแก่ผู้มีการอภิวาทเป็นปกติ ได้แก่เป็นผู้มีอายุยืน คือไม่ตายเสียแต่ต้นวัย เป็นผู้มีตระกูลสูง คือไม่ไปเกิดกับตระกูลต่ำ เป็นผู้มีความสุข คือใจไม่เร่าร้อนฟุ้งซ่านเพราะความกระด้าง และเป็นผู้มีอำนาจในตัว คือไม่มีใครข่มเหงได้โดยง่าย ลองคิดดู คุณลงทุนแค่กราบ เอาแค่ก่อนออกจากบ้านกราบสามครั้งก็พอ เพียงเท่านั้นเท่ากับคุณเอามงคลอันมองเห็นง่ายติดตัวออกจากบ้านไปด้วย ยิ่งไปกว่านั้นถ้าบุคคลที่คุณกราบคือครูที่รู้จริงที่สุดในโลก ก็แปลว่าใจคุณยอมรับบุคคลเช่นนี้ไว้เป็นครู จึงเป็นประกันว่าแม้ต้องเล่นเกมกรรมอีกกี่ครั้ง คุณก็จะได้พบครูที่ดีที่สุดเช่นนี้อีกจนได้ ส่วนใหญ่ที่กราบแล้วไม่ค่อยได้แต้ม ไม่ค่อยโกยโบนัสกัน ก็เพราะกราบด้วยใจที่แห้งแล้ง กราบแบบกระโดกกระเดก ไม่นุ่มนวลสละสลวย เพราะกราบตามๆกันโดยไม่ทราบความหมายของการกราบอย่างแท้จริง ใจคุณจำเป็นต้องรู้อยู่ก่อนว่าบุคคลที่คุณกราบนั้น ทำประโยชน์กับโลกไว้เพียงใด ถ้ายิ่งคุณได้ประโยชน์จากคำสอนของท่าน ชีวิตเจริญรุ่งเรืองขึ้น นั่นแหละการกราบจะเป็นการกราบออกมาจากใจที่นอบน้อมเคารพ แล้วกิริยาก็จะประณีต เงยขึ้นสุด ก้มลงกราบสุดอย่างเนิบช้า หน้าผาก ฝ่ามือ และศอกแตะพื้นสนิทไม่ห่างกันขอให้จำคำสำคัญนี้ไว้ดีๆ คือ ใจต้องนอบน้อมเคารพ ตัววัดง่ายๆคือกราบแล้วเกิดความรู้สึกว่าตัวคุณเล็กลง จิตใจอ่อนโยนเยือกเย็น หรือกระทั่งเกิดความซาบซึ้งโสมนัสแบบไม่แกล้ง นั่นแหละผลของการกราบด้วยความนอบน้อมเคารพ ผลของการกราบพระปฏิมาด้วยใจนอบน้อมเคารพอย่างต่อเนื่องเพียงเดือนเดียว จะทำให้คุณมีพลังกุศลสูงขึ้น ขนาดที่ชะล้างความสกปรกทางจิตได้ระดับหนึ่ง ไม่ว่าจะเป็นความฟุ้งซ่าน ความคิดอยากทำเรื่องชั่วร้าย และพลังกุศลอันเกิดจากจิตอ่อนน้อมนั้นเอง จะกลายเป็นแม่เหล็กดึงดูดความคิดดีๆเข้าตัว ซึ่งก็เท่ากับก่อร่างสร้างอนาคตที่ดีขึ้นอย่างผิดหูผิดตาไว้ด้วย
 ๒) สัจจาธิษฐาน
        สัจจาธิษฐานเป็นคำสนธิระหว่าง สัจจะและ อธิษฐานหมายถึงการเอาความจริงเป็นที่ตั้งในการอธิษฐานสิ่งใดสิ่งหนึ่ง เกมกรรมจะให้โอกาสตรงนี้ คือถ้าคุณอ้างถึงความจริงใดๆ ก็สามารถใช้อธิษฐานขออะไรได้ตามขอบเขตที่ไม่เกินตัว ไม่เกินบุญ หลังกราบพระ ขณะแห่งความอ่อนโยนและรู้สึกสว่างกระจ่างออกมาจากภายในนั้น เป็นสภาวะของจิตที่เป็นกุศล ตัวบุญที่เกิดขึ้นอาจมาในรูปของความรู้สึกอบอุ่นที่ห่อหุ้มกายให้สบายพอดี ยิ่งกราบด้วยอาการนอบน้อมบ่อยเท่าไร ใจคุณจะสัมผัสถึงความอบอุ่นนั้นชัดยิ่งขึ้นเรื่อยๆ เมื่อกราบครบเดือน ก็ลองเปล่งวาจาต่อหน้าพระปฏิมา อาศัยความจริงอย่างใดอย่างหนึ่งเป็นตัวตั้ง เช่น ข้าพเจ้ามีความสุขมากขึ้นเรื่อยๆจากการกราบไหว้พระปฏิมาอย่างถูกต้อง ขอความจริงนี้จงทำให้ความฟุ้งซ่านลดลง (หรือให้เป็นคนขี้โมโหน้อยลง หรืออะไรก็ได้ที่เคยเป็นความเสียหายทางจิต) จากนั้นขอให้คอยสังเกตดูว่าจะเกิดปรากฏการณ์ใดขึ้นกับจิตใจและความรู้สึกนึกคิดของคุณ ตลอดจนเหตุการณ์ภายนอกที่จะเข้ามาส่งเสริมสนับสนุน คุณจะพบกับความมหัศจรรย์อย่างรวดเร็ว และคงเส้นคงวาตราบเท่าที่ยังสามารถกราบพระปฏิมาด้วยความเคารพ และอธิษฐานซ้ำๆอยู่เช่นนั้นทุกเมื่อเชื่อวัน ขอให้จำไว้ว่าการอธิษฐานที่ได้ผลที่สุดมักเป็นการอธิษฐานขอให้เกิดผลอย่างใดอย่างหนึ่งทางใจ ไม่ใช่ขอให้เกิดผลทางกาย ถ้ากราบพระหวังรวยทางลัด ขอให้ถูกหวย ขอให้รวยชั่วข้ามเดือน คุณอาจไม่พบผลใดๆเลย นั่นเพราะคุณสร้างผลไม่ตรงกับเหตุ ถ้าอยากรวยต้องฉลาดทำงานหาเงิน ไม่ใช่กราบพระขอพร แต่ถ้ากราบพระหวังพัฒนาจิตใจ คุณจะสมหวังทันใจ เพราะสร้างเหตุไว้ตรงกับผล เมื่ออ่อนโยนรับกระแสศักดิ์สิทธิ์เข้าสู่จิตได้ จิตที่ศักดิ์สิทธิ์ย่อมพัฒนาไปแค่ไหนก็ได้เช่นกัน การฝึกตั้งสัจจาธิษฐานนั้น จะทำให้จิตใจคุณมั่นคง และถ้าผลบังเกิดตามคำอธิษฐาน ก็จะเป็นชนวนให้เกิดปีติยิ่งใหญ่ เชื่อมั่นในคุณของพระพุทธเจ้า คุณคิดดูว่าถ้าจิตสะอาดขึ้น ตั้งมั่นในกุศลมากขึ้น เปิดรับเรื่องดีๆทั้งนอกกายและภายในใจมากขึ้น จะเป็นเหตุบันดาลความสว่างความรุ่งเรืองได้ใหญ่หลวงปานใด นอกจากนั้น จากความจริงที่คุณประจักษ์ก็จะทำให้ตระหนักว่าการอธิษฐานมีจริงได้หลายแบบ หากอธิษฐานโดยอ้างอิงสิ่งศักดิ์สิทธิ์นอกตัว แนวโน้มคือจะไม่พึ่งพาตัวเอง แต่ทำให้อ่อนแอหวังพึ่งพาคนอื่น ซึ่งก็มีคนอื่นให้พึ่งอยู่จริงๆ มีพลังยิ่งใหญ่อันเกิดจากการบำเพ็ญคุณงามความดีของพวกท่านอยู่จริงๆ เมื่ออธิษฐานแล้วได้ผลบ้างเล็กๆน้อยๆ คุณจะเริ่มเชื่อแบบงมงาย ว่าท่านต้องช่วยได้ทุกเรื่อง พอช่วยไม่ได้ทุกเรื่องก็น้อยใจ เห็นท่านไม่ศักดิ์สิทธิ์จริง แล้วคิดทิ้งไปหาศาสดาอื่นแทน
  ๓) เปลี่ยนนิสัยที่เสียที่สุด
        กฎของเกมกรรมประการหนึ่ง คือมีนิสัยเสียใดติดตัว ก็จะนำบุคคลหรือเหตุการณ์ที่สอดคล้องกับนิสัยนั้นมาเข้าตัว ทุกคนมีนิสัยเสียอย่างใดอย่างหนึ่ง ซึ่งก็แปลว่าเส้นทางชีวิตจะต้องเผชิญกับผลเสียของนิสัยนั้นๆเสมอ ลองคิดดูว่าถ้าคุณเปลี่ยนนิสัยที่เสียที่สุดได้ เส้นทางชีวิตจะหักเหสักปานใด คุณจะรู้จักโบนัสของเกมกรรมอย่างแท้จริงก็เมื่อสามารถทำได้สำเร็จในข้อนี้ เพราะกฎข้อหนึ่งของเกมคือเมื่อกำจัดอุปสรรคยากได้ คะแนนจะยิ่งมาก ผลลัพธ์จะยิ่งรวดเร็วทันตาพฤติกรรมและนิสัยทั้งหมดมีรากมาจากความคิด ฉะนั้นเมื่อปลงใจเลือกนิสัยเสียๆเช่นชอบด่าคน ก็ขอให้เฝ้าสังเกตความคิด เวลาคิดอยากด่าคนขึ้นมา ให้รู้ว่านั่นไม่ดี ตั้งใจว่าไม่เอา แค่นั้นพอ อย่าไปกลัดกลุ้มหาทางขับไล่ ขณะเดียวกันก็ไม่หลงตามกิเลสตัวเอง สติรู้ทันแบบไม่ถอยและไม่สู้ เพียงดูอยู่เฉยๆนั้นเอง นานไปจะเป็นสติชนิดตั้งมั่นแข็งแรง ทำให้จิตฉลาด และเห็นนิสัยเสียๆเหือดแห้งไปจากจิตเองดุจพยับแดดที่ไม่เคยมีอยู่จริงเหมือนทุกเกมในโลก คุณไม่ได้มีเวลาเล่นมากนัก คิดเสียว่าคุณเลือกนิสัยเสียที่สุดขึ้นมาเอาไว้แข่งกับความตาย ก่อนตายคุณอยากเปลี่ยนให้ได้ เพราะถ้าเปลี่ยนได้ก็เท่ากับใช้ชีวิตมนุษย์นี้เป็นเดิมพันในการหักเหเส้นทางทั้งหมด สำหรับบางคน ต้องยอมรับว่าการชะล้างความคิดเสียๆไม่ใช่เรื่องง่าย อย่างไรก็ตาม แม้ความคิดไม่ดีอาจวนเวียนอยู่ในหัวคุณไปอีกสิบปี แต่ตลอดสิบปีนั้นคุณไม่จำเป็นต้องเป็นทุกข์เพียงเพราะการมีความคิดที่ห้ามไม่ได้นั้น แค่คุณไม่ยินดีกับมัน ไม่ใส่ใจมัน ไม่เหนื่อยฝืนต้านมัน เดี๋ยวมันก็หายไปเอง เพราะในขอบเขตของเกมกรรม จะไม่มีอะไรตั้งอยู่ได้อย่างถาวรโดยปราศจากอาหารหล่อเลี้ยง และสำหรับความคิดไม่ดีทุกชนิดนั้น อาหารก็คือความยินดี ความใส่ใจ และกระทั่งการออกแรงต้านบ่อยๆนั่นเองหากกำจัดนิสัยเสียได้สักข้อ คุณจะใจชื้น และเพิ่มความเชื่อมั่นในตนเองเพิ่มขึ้นอีก ให้รุกคืบต่อไป ขอให้เลือกนิสัยเสียอื่นๆมาฟอกอีก แล้วคุณจะพบความจริง ว่าเมื่อนิสัยร้ายๆของคุณเปลี่ยนไปแต่ละอย่างนั้น ชะตาร้ายๆจะค่อยๆหายไปด้วยทีละอย่างสองอย่าง หรือหลายอย่างพร้อมกันในคราวเดียว อย่าหวังว่าคุณจะดีอย่างสมบูรณแบบในเวลาอันสั้น แต่จงหวังว่าคุณจะดีขึ้นทีละข้อแบบไม่ต้องรอนาน แล้วคุณจะเห็นเองว่าเกิดอะไรขึ้นจริงได้บ้าง ผลพวงของความสำเร็จในการเปลี่ยนนิสัยนั้นมีมาก แต่ที่น่าสนใจคงเป็นเรื่องของเสน่ห์ หลังจากคุณเปลี่ยนนิสัยบางอย่างสำเร็จ เสน่ห์จะเพิ่มขึ้นอย่างพรวดพราด เพราะคนเราชอบความเชื่อมั่น ความคมคาย และการเปลี่ยนแปลงจากร้ายเป็นดีทันตาเห็น พลังของผู้ชนะมีแรงดึงดูดตาดึงดูดใจเสมอ คุณนิยมภาพการปรากฏตัวของผู้ชนะในเกมกีฬาอย่างไร ก็จะนิยมภาพการปรากฏตัวของผู้ชนะในเกมเปลี่ยนนิสัยอย่างนั้น
 ๔) วิชาดูดบุญ
         บุญนั้นเหมือนแสงสว่างของเปลวเทียน ขอเพียงมีเทียนไปรับต่อเปลวไฟ แสงสว่างก็เพิ่มขึ้นได้ไม่จำกัดหลักการทำบุญด้วยวิธีอนุโมทนานั้น ก็คือมีใจยินดีร่วมกับบุญของผู้อื่น ใจที่ยินดีในบุญนั่นแหละคือแม่เหล็กดึงดูดบุญเข้าหาตัว ถ้ามีความเข้าใจในกิริยาและค่าของวัตถุอันเป็นตัวบุญของคนอื่น อีกทั้งร่วมปลื้มไปกับเขา คือใจประกอบด้วยโสมนัส ชุ่มชื่นเบิกบานอย่างแท้จริง ก็เรียกว่าได้ส่วนบุญนั้นเต็มเม็ดเต็มหน่วยในฝ่ายเราแล้ว ส่วนจะได้เท่าเขาหรือไม่ ก็ขึ้นอยู่กับว่าใจเรา เต็มที่อย่างเขาหรือเปล่า วัดง่ายๆ คือคิดอยากทำให้เท่าเขาด้วยตัวเราเองไหม หรืออย่างน้อยอยากทุ่มแรงกายแรงใจกับกำลังทรัพย์ร่วมไปกับเขาไหม การอนุโมทนาบุญเต็มรูปแบบ คือใจยินดีมีโสมนัสนำ กับทั้งมีแก่ใจใช้แก้วเสียงเปล่งวาจาให้ผู้อื่นรับรู้ว่าจิตเราเป็นกุศลร่วมกับเขาด้วย ยิ่งธรรมเนียมคนไทยมีการพนมมือไหว้ตัวบุญ ถ้าอ่อนช้อยน้อมจิตตนจิตท่านให้เจริญในภาพเย็นตาเย็นใจเสริมเข้าไปอีก ก็เรียกว่าได้ทั้งกุศลจากมโนกรรม วจีกรรม รวมทั้งกายกรรมครบสูตร คุณจะเป็นนักอนุโมทนาตัวยงในเร็ววันด้วยอาการครบพร้อมดังกล่าวนั้น ผลของการแสดงออกทางวจีกรรมและกายกรรม จะทำให้เป็นผู้อาจหาญในการประกาศบุญมากกว่าเก็บเงียบ สุ้มเสียงของคุณจะน่าฟังสำหรับเจ้าของบุญ มีส่วนทำให้เกิดความรื่นเริงบันเทิงใจ กระชับมิตรกัน และเป็นการปรับจิตให้ตรงกันยิ่งๆขึ้นไป ยิ่งไปกว่านั้นยังมีผลข้างเคียงในทางบวกที่ควรพึงใจแบบโลกๆ กล่าวคือถ้าถึงเวลาให้ผลของบุญนั้นแล้ว หากเหล่าเจ้าของบุญได้โคจรมาทำกิจการหรือธุรกิจร่วมกัน เป็นหุ้นส่วนกัน ผลกำไรก็จะเบ่งบานอย่างรวดเร็วน่าอัศจรรย์ ทั้งที่เมื่อจับคู่เข้าหุ้นกับผู้อื่นก็ไม่เห็นออกดอกออกผลเช่นนั้นเลย อย่างไรก็ตาม คุณจะอนุโมทนาไม่เป็น ถ้าทำบุญไม่เป็น ไม่รู้จักปีติโสมนัสอันเกิดจากบุญ พูดง่ายๆคุณต้องมีทุนเดิมอยู่ก่อนระดับหนึ่ง จิตจึงจะมีความสามารถรับรู้ เข้าใจ และเข้าถึงบุญคนอื่นแบบเต็มๆ แต่ฝึกอนุโมทนาไว้ก็ไม่เสียหลาย คิดเสียว่าของฟรีดีกว่าทิ้งเปล่า อย่างน้อยที่สุดคุณประกันตัวเองว่าไม่นึกดูถูก ไม่นึกอิจฉา ตลอดจนไม่นึกขัดขวางทางบุญของใคร
 ๕) ธรรมทาน
เกมกรรมเปิดโอกาสให้คุณทำทานเอาบุญได้หลายแบบ เช่น
-         ทานคือทรัพย์ หมายถึงบริจาคทรัพย์ส่วนเกินเป็นประโยชน์แก่ผู้สมควรจะได้รับ
-         ทานคืออภัย หมายถึงสละความผูกใจพยาบาทเพื่อตัดเวรระหว่างคุณกับคู่เวร
-         ทานคือเวลา หมายถึงสละเวลาให้ความอบอุ่นใจแก่ผู้เหงาหงอย
-         ทานคือแรงงาน หมายถึงสละแรงงานช่วยเหลือผู้ต้องการทำกิจที่ต้องลงแรง
-         ทานคืออวัยวะ หมายถึงสละเลือด หรือบริจาคอวัยวะใดๆในศพของคุณให้เป็นประโยชน์แก่ผู้รอคอย
-         ทานคือคำแนะนำ หมายถึงการชี้ทางออก หรือใช้สมองช่วยคิดแก้ปัญหาที่ผู้อื่นคิดไม่ตก
-         ทานคือความรู้ หมายถึงเนื้อหาเชิงวิชาการหรือศาสตร์อันทำให้ประกอบอาชีพเอาตัวรอดได้
-         ทานคือธรรมะ หมายถึงความรู้ความเข้าใจที่ถูกต้องเกี่ยวกับสัจจะ ทั้งเรื่องของกรรมวิบากและวิธีแก้ทุกข์

        ในบรรดาทานทั้งปวง ทานคือธรรมะชนะหมด คือคุณให้อะไรก็ไม่เท่าให้ธรรมะ เนื่องจากธรรมะคือความจริง เมื่อคนรู้ความจริงก็หูตาสว่าง รอดจากนรก รอดจากความเป็นเดรัจฉาน รอดจากความเป็นเปรต กับทั้งสามารถแสวงสวรรค์นิพพานตามอัธยาศัยและกำลังใจ หากคุณให้ธรรมทานที่ถูกต้องตรงจริง และเป็นความจริงที่สามารถเปลี่ยนชีวิตผู้รับให้เป็นไปในทางที่ดีขึ้น คุณจะรู้สึกสว่างทั่ว และเกิดเรื่องดีๆมากมายตามมาอย่างรวดเร็ว ชีวิตคนๆหนึ่งที่เปลี่ยนไปด้วยธรรมะ จะสะท้อนกลับมาเป็นแรงส่งให้ชีวิตคุณเปลี่ยนไปในทุกๆด้านอย่างเป็นธรรมเช่นกัน ธรรมทานอาจเป็นการพูดชักชวน โน้มน้าว หรือชี้ทางสว่างให้แก่ผู้หลงติดอยู่ในวังวนทุกข์แบบของเขาโดยตรง แต่ก็อาจใช้วิธีมอบสื่อธรรมะอื่นๆ เช่นปัจจุบันมีทั้งเทป ซีดี และหนังสือให้เลือกมากมาย หากเป็นสื่อธรรมะที่คุณใช้กับตัวเองได้ผลแล้ว คุณมีความอิ่มใจและอยากมอบให้ใครๆแล้ว ก็จะปรุงแต่งจิตให้เกิดโสมนัสแรงได้ เพื่อประกันว่าคุณไม่ได้ให้ธรรมทานแบบด้นเดา ควรศึกษาหาความรู้จากพระพุทธเจ้าให้ดี คำสอนที่น่าเชื่อถือที่สุดว่าเป็นของพระพุทธเจ้าบันทึกไว้ในพระไตรปิฎก และหากคุณพบว่าพระไตรปิฎกฉบับเต็มมีความหนาเกินกำลัง ก็ลองหาอ่านพระไตรปิฎกฉบับย่อของอาจารย์สุชีพ ปุญญานุภาพดูได้
 นิสัยช่างสังเกตความจริงทางจิต
          องค์ประกอบที่สำคัญของความฉลาดมีอยู่หลายประการ ในหัวข้อนี้จะยกมา ๒ ประการ หนึ่งคือมีสติเท่าทันตามจริง สองคือความช่างสังเกตเปรียบเทียบ หากคุณมีสติและช่างสังเกตตัวเลข ในที่สุดคุณจะฉลาดเรื่องเลข ทำนองเดียวกัน หากคุณมีสติและช่างสังเกตเข้ามาที่จิตและกรรม ในที่สุดคุณจะฉลาดเรื่องจิตและกรรม คือทำอะไรแล้วจิตได้รับผลเดี๋ยวนั้นอย่างไร เพื่อเป็นแนวทางสังเกตง่ายๆเบื้องต้น ขอให้ถือตามแนวของทานและศีลก่อน ดังนี้
        ๑) เมื่อคิดสละทรัพย์หรือสิ่งของอันเป็นส่วนเกินให้ผู้อื่น สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่าใจเบาลง นั่นเพราะอำนาจของทรัพยทานไปละลายก้อนตระหนี่เหนียวๆกลางหัวอกลงเสียได้
        ๒) เมื่อคิดสละความพยาบาท ให้อภัยผู้อื่นที่เขาทำผิดกับเรา หรือผูกเวรกับเราได้ สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่ามีความโปร่งโล่งเยือกเย็น นั่นเพราะอำนาจของอภัยทานไปดับไฟโกรธร้อนๆกลางหัวอกเสียได้
        ๓) เมื่อยับยั้งใจ ไม่ฆ่าแม้สัตว์เล็กสัตว์น้อยที่ทำความรำคาญแก่เรา เช่นแทนการฆ่ามดที่ขึ้นจานชามด้วยวิธีเอาน้ำล่างง่ายๆ แต่เป่าหรือเคาะไล่เสียก่อน สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่าแต่ละวินาทีของความพยายามไล่จะไม่สูญเปล่า คุณจะเห็นความเมตตาที่ค่อยๆเอ่อขึ้น เห็นกระแสต้านทานความคิดในเชิงฆ่าสัตว์ หรืออีกนัยหนึ่งเห็นภูมิคุ้มกันโรคภัยไข้เจ็บอันเกิดจากการฆ่าสัตว์ตัดชีวิต
๔) เมื่อระงับความโลภ ไม่ขโมย ไม่โกง ไม่พูดฉ้อฉลเพื่อนำสิ่งที่ไม่ใช่สิทธิ์ของคุณมาครอบครอง สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่ามโนภาพหน้าตาโกงๆของคุณเหือดหายไป แทนที่ด้วยใจที่ใสซื่อตรงไปตรงมา เมื่อเปลี่ยนนิสัยขี้โกงเป็นนิสัยซื่อได้ถาวร ลองส่องกระจกแล้วถามตัวเองว่ากรรมตกแต่งหน้าตาได้จริงไหม จากคนขี้โลภมาเป็นคนชนะความโลภผิดๆได้ ทุกอย่างดูดีขึ้นหรือเปล่า
        ๕) เมื่อห้ามราคะผิดๆ ไม่คิดคบชู้ ไม่คิดเอาลูกสาวที่ยังมีพ่อแม่เลี้ยงดูมาทำมิดีมิร้าย ตลอดจนกระทั่งหักห้ามใจไม่แตะต้องหญิงซึ่งมิใช่คู่ของคุณ สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่ามีความหนักแน่น เข้มแข็ง และเป็นตัวของตัวเองอย่างยิ่ง ไม่ตกอยู่ใต้อาณัติของราคะอันทรงอิทธิพลเหนือมนุษย์ธรรมดา คุณอาจถูกประณามว่าโง่ในหมู่โลกียชนผู้เล็งเป้าไปที่ของดีๆภายนอก แต่คุณจะภูมิใจในตนเองว่าเริ่มเป็นหนึ่งในผู้ฉลาดเล่นเกมกรรมที่เล็งเป้ากลับมายังจิตของตน ลองเฝ้ามองเอาเองว่าการเป็นผู้กำชัยเหนือราคะได้นั้น รสชาติเหนือกว่าชัยชนะในเกมกีฬาที่ต้องเหยียบบ่าผู้อื่นเพียงใด
        ๖) เมื่อหยุดคำโกหกไว้ได้แค่ที่ปลายลิ้น ไม่ปล่อยให้มันผ่านออกไปเป็นเสียงพูดดังใจอยาก สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่าจิตคุณมีความตรง เห็นทุกสิ่งตามจริง อยู่ข้างความจริง ไม่บิดเบี้ยว ไม่เห็นทุกสิ่งพร่ามัว ไม่อยู่ข้างความเท็จ คุณจะรู้สึกเหมือนม่านหมอกที่ปกคลุมจิตเลือนสลายหายหน มีแต่ความกระจ่างใส อยากเห็นอะไร อยากเข้าใจอะไร จะดูเหมือนฟ้าเปิด รู้เห็นและเข้าใจจะแจ้งไปหมด กับทั้งผ่านคนอื่นแล้วรู้ ว่าการกล่าวคำโกหกเป็นคลื่นรบกวนความจริง เมื่อรบกวนความจริง เกมกรรมก็จะรบกวนความจริงของเขาเช่นกัน อาจจะมาในรูปของคนใส่ไคล้ ตีไข่ใส่สี บิดเบือนภาพของเขาให้เบี้ยวบิดผิดรูปไปมาก
        ๗) เมื่อเก็บคำส่อเสียดที่เสียดแทงใจผู้อื่นไว้ได้ สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่ามีเมตตาอ่อนๆเกิดขึ้นแทนที่ หากคำเสียดแทงนั้นยังก้องอยู่ในหัวคุณ คุณอาจมีโอกาสเห็นเป็นครั้งแรก ว่าคำเสียดแทงนั้นเหมือนเข็มแหลมๆ ยิ่งเสียดแทงเท่าไหร่ยิ่งแหลมเท่านั้น การมีคำเสียดแทงอยู่ในจิตก็เหมือนเอาเข็มแหลมมาทิ่มตำตัวเอง เมื่อระงับเสียได้กระทั่งในระดับความคิด คือไม่อยากแม้คิดร้ายกับใคร จิตของคุณจะสบายขึ้น เป็นสุขกับตนเองมากขึ้นที่เห็นอาการโต้ตอบกับโลกในทางเย็น
        ๘) เมื่อเปลี่ยนคำหยาบเป็นคำสุภาพได้ สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่าแรงอัดหนักๆหายไป ความสกปรกของจิตเปลี่ยนเป็นความสะอาดแทน เมื่อเห็นความต่างอย่างแท้จริง คุณจะพบว่าการพ่นคำหยาบก็ไม่ต่างจากการเอาค้อนหนักๆทุบโป้งเข้ากลางหน้าผากตนเอง จิตตัวเองได้รับความบอบช้ำทันทีนั้นเอง อาการฟกช้ำดำเขียวของจิตจะมาในรูปของความมึนงงไปชั่ววูบ หรือรู้สึกคล้ายเอาม่านมืดมาคลุมหน้าทันทีทันใด โดยเฉพาะถ้าคำหยาบนั้นเกิดจากเจตนาประทุษร้ายผู้อื่น มิใช่คำหยาบที่เกิดจากเจตนาพูดหยอกเล่นหัวกับเพื่อน เพียงเลิกพ่นคำหยาบพร่ำเพรื่อเสียได้ ใจคุณจะเหมือนผิวที่เปล่งปลั่ง ไม่ฟกช้ำดังเคย
        ๙) เมื่อไม่พล่ามเพ้อเจ้อ หรือวิจารณ์ใครๆอย่างไร้สาระไร้เหตุผลเสียได้ทั้งที่ใจอยาก สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่าคุณมีสติดีขึ้น ฟุ้งซ่านน้อยลง ยิ่งคุณเข้าข้างเหตุผล ยิ่งคุณพูดแต่คำที่มีประโยชน์ จะหยอกล้อเล่นหัวก็ให้พอดี คุณจะยิ่งพบว่าสาเหตุหลักที่คนเราฟุ้งซ่านจนยากจะห้ามนั้น ก็มาจากการพูดไม่รู้จักหยุด ขุดเรื่องคนอื่นแบบไม่รู้จักคิดนั่นเอง ผลของการหยุดพล่ามเพ้อเจ้อจะลดพายุความฟุ้งในสมองได้กว่าครึ่ง
        ๑๐) เมื่อห้ามปากไม่ให้เปิดรับเหล้า หรือห้ามจมูก ห้ามเนื้อหนังไม่ให้รับยาเสพติดสร้างความมึนเมาขาดสติใดๆ สังเกตดูความจริงเกี่ยวกับจิตขณะนั้น จะพบว่าคุณมีความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้น ยังครองสำนึกแบบมนุษย์คือรู้จักผิดชอบชั่วดีได้ครบถ้วน เปรียบเทียบแล้วคุณจะเห็นถนัดว่าถ้าตายไประหว่างไม่เมา มีสติสมบูรณ์ จิตของคุณจะยังสมควรแก่ความเป็นมนุษย์อยู่ แต่หากสมองมึนชา จิตใจมัวมน ก็จะไม่มีทางเป็นที่พึ่งของตนเอง ไม่มีทางแข็งแรงพอจะก้าวไปสู่เกมกรรมครั้งหน้าที่เสมอกันกับเกมกรรมรอบนี้ได้เลย  หากเห็นความจริงเกี่ยวกับจิตและกรรมอันเป็นปัจจุบันไประยะหนึ่ง จุดรวบยอดคือคุณจะสามารถแยกแยะได้ว่ากรรมใดทำแล้วเป็นคุณประโยชน์ นำมาซึ่งความสุข กรรมใดทำแล้วเป็นโทษ นำมาซึ่งความทุกข์  คุณจะจำแนกแยกแยะได้ตามจริง ว่าแม้บางทีอาจต้องเดือดร้อนกายตอนนี้ แต่จะสบายใจในระยะยาว ก็นับว่าคุ้มกัน คุณจะเลือกกรรมที่เป็นประโยชน์มากกว่าโทษ หรือถึงแม้ไม่อาจละกรรมที่เป็นโทษได้เด็ดขาด จิตก็จะไม่ถลำลงไปหมกโคลนบาปทั้งดวง จากนั้นคุณจะมีความสามารถสังเกตสังกาความจริงได้ละเอียดอ่อนมากขึ้นเรื่อยๆ เห็นทั้งเหตุผลที่สุข เหตุผลที่ทุกข์ เหตุผลที่สงบ เหตุผลที่ฟุ้งซ่าน เหล่านี้จะทำให้คุณเข้าใจว่ากรรมแต่ละอย่างทำแล้วให้ผลกับจิตใจเสมอ นานไปคุณจะเห็นเหมือนจิตใจแบบต่างๆมีแรงดึงดูดเหตุการณ์เฉพาะตัว กล่าวคือถ้าจิตสว่าง ก็จะดึงดูดเหตุการณ์ดีๆเข้ามา แต่ถ้าจิตมืด ก็จะดึงดูดเหตุการณ์ร้ายๆไม่เลิก และนั่นเองจะทำให้คุณเริ่มเชื่อว่ากฎของเกมกรรมมีอยู่จริง คุณจะไม่เชื่อเพียงเพราะฟังใครอีกต่อไป เพราะใจเห็นประจักษ์ด้วยตนเองอย่างถ่องแท้เสียแล้ว พฤติกรรมทางจิตของคุณจะแปลกเปลี่ยนไปอย่างสิ้นเชิง คุณจะสังเกตได้ละเอียดกระทั่งจิตที่คิดทำร้ายเพียงนิดเดียวแม้ด้วยคำพูดประชดเล็กๆ ยิ่งหากพลั้งปากหลุดคำกระทบกระแทกใจใครก็อาจรู้สึกผิดได้มาก แต่ถ้าระงับทันก็จะเป็นสุข และเหมือนได้พัฒนาตัวเองขึ้นมาอีกขั้นและที่สุดคุณจะรู้สึกเหมือนดั้งเดิมนั้น ในหัวเต็มไปด้วยปฏิกูลและสิ่งอุดตัน จำเป็นต้องทะลวงผ่านด่านอุดตันไปทีละเปลาะ การให้ทานและการรักษาศีลทีละข้อเท่าที่ทำได้ คือการเคาะ การเจาะทะลวงสิ่งอุดตันที่ว่านั้น
ธรรมชาติพื้นฐาน
        ดังกล่าวแล้วในบทที่ ๒ ว่าด้วยอุปกรณ์เล่นเกม คืออุปกรณ์เล่นเกมถูกตกแต่งให้พิสดารเป็นต่างๆกันก็ด้วยกรรมเก่าไปเสียทั้งนั้น กฎเหล็กของเกมกรรมคือสัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม แม้รูปร่างลักษณะหน้าตา ทรวดทรงองเอว สัดส่วนแขนขาต่างๆ ก็ถูกตกแต่งขึ้นด้วยกรรมเก่าทั้งสิ้น ราวกับจะฟ้องให้รู้ตั้งแต่แรกพบกันเลยว่าคุณเคยดีหรือเคยร้ายมาประมาณไหน แต่ความไม่รู้เบื้องหน้าเบื้องหลังย่อมทำให้คุณคิดง่ายๆแค่ว่าใครสวยหล่อก็โชคดีไป ใครขี้เหร่หน่อยก็โชคร้ายหน่อย คนทั้งโลกประชันหน้าตากันอย่างไม่รู้เลยว่าทำไมใครโชคดี ทำไมใครโชคร้าย และที่สำคัญคือไม่รู้เลยว่าทำไมถึงต้องมีความต่าง กรรมเป็นผู้วาดหน้าตา ผู้เล่นเกมแต่ละคนจึงคล้ายจิตรกรที่วาดรูปร่างหน้าตาและลงสีให้ตนเอง ใครฉลาดในเกมกรรมมากก็เอาหน้าตาสวยหล่อไป ใครมืออ่อนในเกมกรรมก็ได้หน้าตาจืดชืดแทน ธรรมดาของกายอันเป็นอุปกรณ์เล่นเกมคืออย่างนี้เอง อย่างไรก็ตาม นั่นเป็นแค่ผิวนอก ธรรมชาติขั้นพื้นฐานของอุปกรณ์เล่นเกมทุกคนมีความเหมือนกันอยู่ กายมนุษย์ทั้งหลายประกอบขึ้นด้วยของแข็งคงรูป เช่นเส้นผม เส้นขน เล็บมือเล็บเท้า ฟัน เนื้อหนัง ฯลฯ กับทั้งมีของเหลวที่พร้อมไหล เช่นน้ำเลือด น้ำหนอง น้ำลาย ฯลฯ กับทั้งมีไออุ่นที่กระจายความร้อนได้เป็นอุณหภูมิในร่างกาย กับทั้งมีของพัดไหวที่มองไม่เห็นแต่สัมผัสได้เช่นลมหายใจ ลมจากทวารหนัก ฯลฯ กล่าวโดยย่นย่อคือกายมนุษย์ประกอบด้วยธาตุทั้ง ๔ ได้แก่ ดิน น้ำ ไฟ ลม สำหรับคนตาบอดแล้ว ใครสวยหล่ออย่างไรก็ไม่ต่างกัน มีแต่ความแข็งของธาตุดิน ความเหลวของธาตุน้ำ ความร้อนของธาตุไฟ และความพัดไหวของธาตุลมให้สัมผัส ยิ่งไปกว่านั้น เพียงมองตามจริงจากประสบการณ์ตรง ทุกคนจะพบเหมือนๆกัน ว่าธาตุดินมีความไม่เที่ยง ยกขึ้นด้วยกระดูกสันหลัง ฉาบด้วยเนื้อหนังหลอกตา ผูกด้วยเส้นเอ็นน้อยใหญ่ คงรูปเป็นวัยเด็ก เจริญวัยเป็นหนุ่มสาว แล้วที่สุดก็ถึงคราวต้องแก่ชรา ยิ่งธาตุ น้ำ ธาตุไฟ และธาตุลม ยิ่งมีความแปรปรวนให้เห็นง่าย โดยเฉพาะธาตุลมนั้นไหลเข้าไหลออก ไม่คงที่เลยแม้แต่วินาทีเดียว เราจึงควรจับสังเกตสัจจะเกี่ยวกับความไม่เที่ยงผ่านสายลมหายใจนี้ก่อน สังเกตที่ลมหายใจ จะได้เห็นความจริงว่าไม่เที่ยงเดี๋ยวนี้เลย ไม่ต้องรอนานเหมือนธาตุดิน และถ้ามองด้วยตาเปล่า สมองอันเป็นส่วนของกายก็เหมือนเป็นต้นกำเนิดของความรู้สึกนึกคิด แต่ถ้ามองด้วยความเชื่อว่าจิตวิญญาณไม่มีเกิดตาย แต่ร่อนเร่ไปอาศัยร่างโน้นร่างนี้ไปเรื่อย ก็ต้องมองกายเป็นเพียงบ้านพักชั่วคราวของจิต ไม่ได้ให้กำเนิดจิตและความรู้สึกนึกคิดแต่อย่างใด ทว่าถ้ามองแบบพุทธ ก็จะเห็นกายกับจิตเป็นเหตุเป็นผลอิงอาศัยกันและกันเกิดดับ นามเป็นเหตุปัจจัยแก่รูป เช่นกรรมจัดสรรให้เกิดอัตภาพมนุษย์ซึ่งมีลักษณะต่างๆกัน และรูปก็เป็นเหตุปัจจัยแก่นาม เช่นด้วยกายนี้จึงมีกายกรรมและวจีกรรมได้ กับทั้งเป็นฐานที่ตั้งของสัมผัสกระทบต่างๆให้เกิดการรับรู้ การรับรู้นั่นเองคือจิต รับรู้คราวหนึ่งก็ถือว่าจิตเกิดดวงหนึ่ง ความรับรู้ดับลงก็ถือว่าจิตดับไปอีกดวงหนึ่ง สาระที่สำคัญคือทั้งรูปทั้งนามไม่เที่ยง เป็นทุกข์ ไม่ใช่ตัวตนที่มีอยู่โดยดั้งเดิม และไม่อาจบัญชาให้ตั้งอยู่นานเท่านั้นเท่านี้ นี่คือธรรมชาติพื้นฐานของอุปกรณ์เล่นเกมกรรม ทั้งฝ่ายกายและฝ่ายใจ
 กลเกมแห่งความไม่รู้
        พวกเราเล่นเกมอยู่บนความไม่รู้ หรือจะเรียกว่าเป็นเกมแห่งความไม่รู้ก็ได้ ตลอดเวลาเต็มไปด้วยเรื่องของการใช้สัญชาตญาณตามกิเลส หรือไม่ก็เป็นเรื่องของการคาดเดาและการลองผิดลองถูกพ้นจากภวังค์และฝันเลอะเลือนในท้องแม่ บุญเก่าจะส่งให้คุณปรากฏตัวขึ้นในโลกแล้วพร้อมจะ รับรู้ในระดับหนึ่ง ผ่านรูปที่กระทบตา เสียงที่กระทบหู กลิ่นที่กระทบจมูก รสที่กระทบลิ้น ของแข็งอ่อนร้อนเย็นที่กระทบกาย และสภาพธรรมต่างๆที่กระทบใจ แต่คุณยัง ไม่รู้เลยว่าสิ่งที่เห็นและได้ยินเหล่านั้น เกิดขึ้นได้อย่างไร และสำคัญที่สุดคือคุณไม่รู้เลยว่าตนเองเกิดมาได้อย่างไร ทำไมถึงเป็นอย่างที่เป็น เมื่อไม่รู้ก็ต้องเผชิญหน้ากับแรงบีบคั้นให้เกิดกิเลสประการต่างๆ แล้วตัดสินใจโดยยืนอยู่ข้างกิเลสบ้าง ยืนอยู่ข้างมโนธรรมบ้าง คุณมีแต่มโนธรรมเป็นที่พึ่ง และมโนธรรมจะต่ำหรือสูงก็ขึ้นอยู่กับว่าบุญเก่าของคุณส่งมาอยู่กับพ่อแม่หรือครูแบบใด อารมณ์และความคิดของคุณตั้งมั่นหรือแปรปรวนได้แค่ไหน ในเกมย่อยๆทั้งหลายนั้น คุณเล่นเอาแพ้ชนะกับเพื่อนมนุษย์ด้วยกัน ได้อะไรจากเพื่อนมนุษย์ด้วยกันไปครอง โดยมีคติว่าผู้ชนะได้ไปทั้งหมด แต่ในเกมกรรม  คู่ต่อสู้ของคุณคือกฎแห่งกรรมวิบากที่ไม่มีหน้าตา แต่มีตัวตนอยู่จริง คุณมีสิทธิ์เล่นแค่ให้เสียน้อยที่สุด คุณไม่เคยได้อะไรจากเกมกรรมไปครอบครองอย่างแท้จริงแม้แต่ชิ้นเดียว เพราะสุดท้ายจะต้องทิ้งให้ทุกสิ่งเป็นสมบัติของความแตกพังเสมอ เช่นเมื่อขณะมีอุปกรณ์เป็นกายใจมนุษย์นี้ คุณกำลังเล่นเกมแห่งความเจ็บปวด สมหวังในวันหนึ่งเพื่อผิดหวังในอีกวันหนึ่ง ลงท้ายที่สุดด้วยสูญเสียเลือดเนื้อของคนจากไป และการหลั่งน้ำตาของคนอยู่ข้างหลัง ทั้งคนตายและคนอยู่ไม่รู้เลยว่าจะไปเล่นเกมไหนต่อ 
 เดินทางไกล
        หากคุณเคยหลงเสน่ห์ของการเดินทางไกลมาบ้าง เช่นเดินทางไปต่างจังหวัดไกลๆ ไปทำงาน ไปเที่ยว หรือไปเยี่ยมญาติ เห็นเส้นทางยาวๆ ทิวทัศน์สวยๆ ฟ้าเปิดโล่งเป็นระยะๆ จิตใจปล่อยสบาย เหมือนหลุดจากกรงแคบที่ครอบคุณอยู่ชั่วนาตาปี แม้มีความเหน็ดเหนื่อยเมื่อยล้าจากการเดินทางไกลบ้าง คุณก็คงคิดว่าคุ้มกัน เพราะพักเหนื่อยไม่นานก็จะกลับมีกำลังวังชา สามารถเดินทางไกลต่อไปได้อีก รายละเอียดวิธีเดินทางไกลของแต่ละคนทำให้รู้สึกและนึกคิดต่างกัน ถ้าคุณฟุ้งซ่านจนรำคาญความคิดของตนเองระหว่างเดินทาง คุณจะเกลียดการเดินทาง แต่ถ้าจิตใจคุณสงบสบายกว่าปกติในระหว่างเดินทาง คุณจะชอบการเดินทาง เพื่อนร่วมทางก็มีส่วนให้เบื่อหน่ายหรือครึกครื้น ถ้าคุณได้ใครสักคนที่คุยกันอย่างออกรสไปตลอดทาง คุณจะรู้สึกถึงความผูกพันที่แน่นแฟ้น และอยากเดินทางไกลไปกับเขาอีกเรื่อยๆ แต่การเดินทางไกลในเกมกรรมนั้น ซับซ้อนกว่าการเดินทางไกลบนถนนที่ยาวเหยียดมากนัก คุณเป็นนักเดินทางผู้โดดเดี่ยว ที่ท่องไปในความฝันอันสร้างขึ้นด้วยกรรมดีกรรมชั่ว ภาพฝันจะผ่านไปเรื่อยๆเหมือนทิวทัศน์ข้างทาง คุณจะติดใจเสน่ห์ของการเดินทางไกลอันเต็มไปด้วยความลืมเลือน และความติดใจนั้นเองจะกดให้คุณตกอยู่ในภาวะฝันทั้งลืมตาครั้งแล้วครั้งเล่า ในระหว่างการเดินทางไกล เพื่อนร่วมทางของคุณจะเปลี่ยนหน้าไปเรื่อยๆ คุณอาจเจอคนถูกใจ แต่จะไม่สามารถขอให้เขาร่วมทางกับคุณตลอดไป ถึงเวลาทุกคนต้องแยกย้ายกันไปตามยถากรรมเสมอเฉพาะในเกมนี้ คุณอาจผ่านประสบการณ์ชนิดนั้นมาแล้ว คือเพื่อนร่วมทางหายหน้าไปทีละคนสองคน และในที่สุดวันหนึ่งคุณเองจะต้องหายหน้าไปจากเพื่อนร่วมทางที่เหลือ ใครจะเต็มใจหรือไม่เต็มใจก็ตาม คนความจำเสื่อมย่อมไม่อาจจำการเดินทางที่น่าเหนื่อยหน่ายได้ คุณก็เหมือนกัน ตายแต่ละครั้งคุณจะเริ่มต้นด้วยสภาพชีวิตชีวาแบบใหม่ ต่อเมื่อเติบโตขึ้นเสวยสุขทุกข์ซ้ำรอยเดิมนั่นแหละ คุณจึงจำความเหนื่อยหน่ายในการเดินทางไกลขึ้นมาได้
กับดัก
          หากคุณเคยเห็นพืชหรือดอกไม้มีพิษบางชนิด คุณจะตระหนักว่าบางสิ่งที่สวยงามในโลกนี้ ไม่ได้เป็นประกันความปลอดภัยใดๆเลย ผู้ไม่รู้และหลงเชยชมอาจบาดเจ็บสาหัส เพราะขาดความระมัดระวังตัว คาดไม่ถึงว่าฤทธิ์ของมันจะร้ายค้านสายตาได้ขนาดนั้น กับดักของเกมกรรมก็เช่นกัน มีบ้างที่แสดงตัวโจ่งแจ้งว่าเป็นกับดักเครื่องล่อ แต่ส่วนใหญ่ถูกอำพรางหลุมขวากไว้ ทั้งแบบพอเนียนตา และทั้งแบบแยบยลล้ำลึก กับดักที่โจ่งแจ้งในโลกมนุษย์นี้ ได้แก่เหล้ายา การพนัน และการมั่วสุมของเหล่าอันธพาล แม้จะปรากฏอยู่ชัดๆว่าเป็นไฟ แต่ก็ยังมีแมงเม่าบินเข้าไปหา เพียงเพราะรู้สึกว่ามีเพื่อนอยู่ที่นั่น หรือเพียงเพราะรู้สึกว่าจะเป็นแหล่งทำเงิน หรือเพียงเพราะรู้สึกว่าเป็นของดีสำหรับตน กับดักที่พอเนียนตาในโลกมนุษย์นี้ ได้แก่หญิงชายเจ้าเสน่ห์ที่นิยมหว่านเสน่ห์ไปทั่ว เพียงเพื่อให้ใครๆมายอมสยบ หรือเพียงเพื่อได้รู้ว่ามีใครแย่งชิงตนแบบเอาเป็นเอาตาย หญิงชายเหล่านี้ง่ายที่กาลต่อมาจะประพฤติผิดในกาม อาจจะน้อยๆ หรืออาจจะทุกชนิด ถ้าหลงติดก็เท่ากับพลอยร่างพลอยแห กลายเป็นหนึ่งในชู้ของเขาหรือเธอได้ กับดักที่แยบยลล้ำลึกได้แก่การงานหลายๆชนิด ที่ดูเหมือนดี ดูเหมือนเป็นไปเพื่อประโยชน์สุขของคนอื่น แต่ที่แท้ตั้งต้นด้วยความหลงผิด จึงพลอยพาให้ผู้ติดตามหลงผิดไปด้วยเป็นจำนวนมาก เช่นคำสอนของบางลัทธิที่น่าสนใจ มีคำสอนเป็นเหตุเป็นผลน่าคล้อยตาม แต่สุดท้ายสอนไม่ให้เห็นความสำคัญของพ่อแม่มากกว่าเจ้าสำนัก และที่สุดคือทำตามเจ้าสำนักสั่งได้กระทั่งฆ่าคน อันที่จริงเกมกรรมเต็มไปด้วยกับดัก จาระไนไม่หวาดไม่ไหวว่ามีอะไรบ้าง แต่ถ้าคุณเคยหลงเชื่อผิดๆ ถูกหลอกให้ทำเรื่องผิดๆชนิดเห็นดำเป็นขาว เห็นกงจักรเป็นดอกบัว อันนั้นแหละตัวอย่างกับดักของจริงในชีวิตคุณกับดักบางอย่างให้โอกาสคุณแก้ตัว แต่กับดักบางอย่างขอเพียงคุณหลงพลาดไปติดครั้งเดียว คุณจะไม่มีวันได้หลุดออกมาอีกเลยจนกว่าจะใช้กรรมหมด ตัวอย่างที่ชัดเจนก็เช่นลัทธิฆ่าตัวตาย หากสาวกของลัทธิหลงเชื่อ นึกว่าการฆ่าตัวตายคือวิธีลัดสู่ความเป็นอมตะ หรือนึกว่าระเบิดพลีชีพเป็นวีรกรรมที่จะได้รางวัลบนสรวงสวรรค์ เช่นนี้คือการสละสิทธิ์ในเกมกรรมแบบมนุษย์ แล้วต้องระเห็จไปเข้าคุกที่เกมกรรมตระเตรียมไว้ยาวๆแทน
 อัตราเสี่ยงที่จะเล่นแพ้
ในเกมกรรมไม่มีการพ่ายแพ้ถาวร คือคุณไม่อาจทำบาปร้ายแรงใดๆที่จะส่งให้ไปติดอยู่ในทุคติภูมิตลอดกาล ขณะเดียวกันคุณก็ไม่อาจทำบุญที่สูงส่งพอจะดันให้ลอยขึ้นไปค้างบนสุคติภูมิชั่วนิรันดร์ มนุษยภูมิเป็นภูมิที่เล่นเกมกรรมได้ซับซ้อนพิสดารเหนือภพภูมิอื่นใด ไม่ว่าจะอยากสะสมแต้มบวกเพิ่มหรือเติมแต้มลบเยอะ ในภูมิมนุษย์นี้ คุณสามารถแก้ตัวได้มากที่สุด ปรับเปลี่ยนพัฒนาได้มากที่สุด แต่ขณะเดียวกันก็อาจซ้ำเติมตัวเอง ฉุดตัวเองลงต่ำได้มากที่สุดด้วยเช่นกัน เนื่องจากใจของมนุษย์มีโสมนัสอันเกิดจากบาปใหญ่ได้ หลงผิดขนาดฆ่าผู้มีพระคุณสูงสุดเช่นพ่อแม่ได้ ฆ่าผู้สละโลกเช่นพระสงฆ์องค์เจ้าได้ แม้แต่พระสัมมาสัมพุทธเจ้าผู้ไร้มลทินก็ยังเคยมีคนใจบาปพอจะคิดปลงพระชนม์มาแล้วและเมื่อนับกันเป็นเรื่องๆ ในโลกนี้ก็มีแรงบีบคั้นให้เกิดกิเลสมากกว่าเครื่องช่วยต้านทานกิเลส แม้บุญเก่าจะสร้างปราการมโนธรรมมาให้คุณแข็งแรงเพียงใด หากเจอกระหน่ำหนักๆเข้าก็อาจเขวได้เหมือนกัน คุณจะต้องมีความรู้ ความเข้าใจ และเหตุผลที่ดีพอมาตั้งแต่ต้นชีวิต ว่าทำไมจึงสมควรต้านกิเลส ทำไมถึงต้องยอมถูกหาว่าโง่ที่ไม่ฉกฉวยเมื่อมีโอกาสฉกฉวย พูดง่ายๆคือถ้าไม่มีคนบอกให้คุณรู้ว่าอะไรบุญอะไรบาป แนวโน้มคือคุณจะยอมถูกบีบคั้นให้โลภ โกรธ หลงไปตามเรื่องตามราว มากกว่าจะคิดได้เองว่าสิ่งใดควร สิ่งใดไม่ควร กฎของเกมกรรมข้อหนึ่งที่น่ากลัว คือหากมีจิตที่เศร้าหมองแล้ว ทุคติเป็นอันหวังได้ สุคติเป็นอันหวังยาก นั่นแปลว่าขณะใดก็ตามที่จิตคุณเศร้าหมอง บัดนั้นคุณกำลังตกอยู่ในความเสี่ยงกับการไปสู่ทุคติแล้ว ยกตัวอย่างเช่นคุณเป็นคนมีศีลมีสัตย์ รักเดียวใจเดียว แต่หลงรูปจนไปคว้าคนเจ้าชู้มาเป็นคู่ครอง วันหนึ่งคุณบังเอิญทราบว่าคู่ครองสุดที่รักของคุณคบชู้ คุณเกิดความเศร้าโศก หันหน้าไปหาเหล้า หากคุณกำลังนั่งกินเหล้าเคล้าความอาลัยคนรักแทบขาดใจแดดิ้นอยู่นั่นเอง เผอิญวัยรุ่นไล่ยิงกันแล้วคุณดันเจอลูกหลง กระสุนเจาะเข้ากลางท้ายทอยขาดใจตายคาที่ ก็คาดหมายได้เลยว่าจิตจะทำงานครั้งสุดท้ายเป็นการปรุงแต่งฝันร้ายให้เกิดขึ้น คุณอาจเห็นตัวเองเมามายเดินโผเผไปตามถนน แหกปากเรียกชื่อคนรักที่นอกใจแทบไม่เป็นภาษา จากนั้นเมื่อจิตสุดท้ายดับลง คุณจะคงสภาพของเปรตขี้เมา ร่ำอาลัยรักไปอีกนาน กว่าที่บุญอันสว่างไสวอย่างใดอย่างหนึ่งจะถึงเวลาให้ผล มาช้อนรับคุณให้พ้นจากสภาพของเปรตได้ สรุปคือความเป็นคนดีอาจไม่พอจะเล่นเกมให้ชนะในแต่ละครั้ง คุณต้องมีเหตุผล มีสติ มีศรัทธาที่เหนือกว่าเครื่องยั่วให้เป็นบ้าไปกับโลกนี้ด้วย เมื่ออ่านเกมกรรมออก จะเริ่มเห็นรางๆว่าคุณต้องเล่นไปเรื่อยเพื่อความเหนื่อยเปล่าอย่างไร้แก่นสาร ทั้งต้องดิ้นรนหากิน ทั้งต้องหาซื้อบ้าน ทั้งต้องวุ่นวายจัดการภาระต่างๆในชีวิตให้ลงตัว เสร็จแล้วก็ตาย ต้องไปหาใหม่เอาข้างหน้าอีก เท่านั้นไม่พอ ยังต้องสุ่มเสี่ยงต่อการได้ไปทุคติภูมิเอาง่ายๆเพียงด้วยการเผลอปล่อยใจให้เศร้าหมองแล้วจับพลัดจับผลูชะตาขาดเดี๋ยวนั้น คุณจะเห็นมนุษย์และสัตว์ทุกตัวบนโลกร่วมเล่นเกมกรรมอยู่กับคุณ คุณเห็นใจตัวเองอย่างไรก็ควรเห็นใจพวกเขาเท่าๆกัน เพราะต่างฝ่ายต่างก็อยู่ในวังวนแห่งเกมอันไม่เป็นที่รู้กฎนี้เหมือนๆกัน มีสิทธิ์แปรเป็นนั่นเป็นนี่ ได้ดีบ้าง ตกยากบ้าง หยาบบ้าง ประณีตบ้างเหมือนๆกัน ต้องร้องไห้อย่างไม่รู้ทางแก้เหมือนๆกัน ตกอยู่ภายใต้ความเสี่ยงที่จะลงต่ำได้เสมอเช่นกัน การคิดเดินทางไปเรื่อยๆเพื่อเล่นเกมกรรมจึงมิใช่นโยบายที่ดี อย่างน้อยคุณควรวางแผนที่จะหยุด รวมทั้งชักชวนคนรอบข้างให้รู้ตามและคิดตามด้วย ขอให้ลองนึกถึงคนที่คุณรักที่สุด คุณทนได้ไหมถ้าจะปล่อยให้เขาหรือเธอพลัดไปอยู่ในหมู่อันธพาล อีกทั้งตกอยู่ในสภาพความจำเลอะเลือน พร้อมจะถูกสาดโคลนให้มอมแมม พร้อมจะถูกข่มเหงให้บอบช้ำ? นั่นอาจเป็นเรื่องสมมุติ แต่เรื่องจริงก็คือถ้าคนที่คุณรักยังต้องเวียนว่ายตายเกิดไปเรื่อยๆอย่างไร้จุดหมายปลายทาง เขาหรือเธอจะต้องตกอยู่ในสภาพย่ำแย่ยิ่งกว่านั้นมาก เพราะโคลนที่จะสาดมาเปื้อนเขาไม่ได้มาจากที่อื่น แต่สาดมาจากความไม่รู้ของเขาเอง
เช่นนี้คุณคงบอกตัวเองถูกว่าควรทำอะไร?
ใช่แล้วคุณควรหาทางหยุดเล่นเกมเสีย


ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น